"ชนินทร์"นำร่องสู่อสังหาฯ ผุดโมเดล'สร้างบ้าน-ซื้อคอนโดฯ'พ่วงตกแต่งเจาะกลุ่มไฮเอนด์

"ชนินทร์" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไฮเอนด์ชั้นนำของไทย มองตลาดระดับบน ยังคงเติบโตตามดีมานด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค พร้อมเปิดโมเดลการรุกธุรกิจสร้างบ้านและซื้อคอนโดฯพ่วงตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ เจาะลูกค้าไฮเอนด์ ทุ่มงบ 180 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่มพื้นที่รีเทลขนาดใหญ่รวมกว่า 1,000 ตร.ม. รวมถึงการรุกธุรกิจร้านอาหารต่อยอดกลยุทธ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Living Well วางเป้าตัวเลขรายได้ปี 63 สู่ระดับ 1,500 ล้านบาท ดันมาร์เก็ตแชร์ตลาดบนมากกว่า 28%เทียบปี 61

นายชนินทร์ สิริสันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ “ชนินทร์” (CHANINTR) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ชนิดใช้ในครัวเรือนในปี 2562และต่อเนื่องในปีถัดไปว่า ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเกิดจากการพัฒนาของประเทศ และยังเชื่อมั่นในความมั่นคงของประเทศ ประกอบกับในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มีการยกระดับสินค้ามากขึ้น และมีดีไซต์ที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งเราจะสังเกตเห็นว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลูกค้ามีการศึกษาและเข้าใจแบรนด์ระดับโลก มีความพร้อมที่จะลงทุนและเลือกใช้แบรนด์เฟอร์นิเจอร์มากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดบนมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องปีละ 10-15% หรือบางปี จะขยายตัวมากขึ้น 20%

สนับสนุนด้วยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าปี 2561 มีมูลค่ารวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ประมาณ 49.8% จะมี 4 ผู้นำในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)อยู่ ได้แก่ INDEX สัดส่วน 7.38% , IKEA สัดส่วน 5.94% , SB สัดส่วน 5.39% และเป็นแบรนด์ของบริษัทฯ CHANINTR อยู่ที่ 1.20% และส่วนที่เหลืออีก 50.2% จะเป็นกลุ่มผู้ค้าปลีกรายอื่น

ขณะที่ตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ชนิดใช้ในครัวเรือนในประเทศไทย ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมที่ 4,300 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 9.6% ต่อปี โดยแบรนด์ CHANINTR มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 28% มูลค่าที่แชร์อยู่ในตลาดกลุ่มนี้อยู่ที่ 1,208 ล้านบาท และผู้ค้าปลีกอื่นๆ มีส่วนแบ่งประมาณ 3,124 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 72.1% และคาดว่า ส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้น โดยคาดในปี 2562 จะมีรายได้ประมาณ 1,350 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 1,500 ล้านบาท

" เราต้องมีการต่อยอดและยกระดับกลยุทธ์แบรนด์ดิ้ง ตามปรัชญา Living Well ซึ่งจะเป็นแนวทางที่บริษัทชนินทร์ จะให้บริการด้วยรสนิยมที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า เป็นจุดขายหลักที่สำคัญ ที่ทำให้ บริษัทชนินทร์ มีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นมาตั้งแต่เริ่มต้นถึง 25 ปี "นางสาวเรนนี่ ชาน ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารเครือโรงแรมระดับ 6 ดาวในระดับนานาชาติมายาวนานกว่า 24 ปี ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัทชนินทร์ฯ กล่าวเสริม

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่ใช้ในครัวเรือนในปัจจุบัน ต้องมีชีวิตชีวาแตกต่างจากในอดีต เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องพยายามหาเฟอร์นิเจอร์สไตล์ใหม่ๆเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยราคาเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทฯเริ่มต้นที่ 7,000 บาทไปจนถึง 2 ล้านบาทกว่าต่อชิ้น

และเพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มไฮเอนด์(ดีมานด์) ที่ต้องการการบริการที่ครบวงจรตั้งแต่ออกแบบและก่อสร้าง ทางบริษัทจึงได้ขยายแนวธุรกิจใหม่ ด้วยการสร้างบ้านพร้อมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ CHANINTR ให้ลูกค้า ระดับราคาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยกำลังพิจารณาทำเลที่มีศักยภาพเช่น ภูเก็ต อาจจะเป็นในรูปแบบของการซื้อที่ดินและพัฒนาบ้านพร้อมตกแต่าง ครั้งละประมาณ 1-2 หลัง ไม่เน้นการทำขนาดหลังจำนวนมาก แต่ต้องการความละเอีดยในการดูแลให้กับลูกค้า ประกอบกับคนไทยยังมีความต้องการบ้านหลังที่สองในหัวเมืองท่องเที่ยว และทำเลในกรุงเทพฯอาจจะเริ่มจากการซื้อห้องชุดในคอนโดมิเนียมและตกแต่งพร้อมอยู่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 2563

"เราต้องมีการเติบโตต่อเนื่องมา 3 ปี เพราะด้วยความชัดเจนของกลุ่มลูกค้า ทั้งจากลูกค้ารีเทล สำหรับที่อยู่อาศัย และกลุ่มลูกค้าโครงการ เช่น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสถาปนิกและดีไซเนอร์ ซึ่งล้วนแล้วเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งสิ้น และล่าสุดในปีนี้ จะขยายพื้นที่รีเทล ผ่านงบลงทุน 180 ล้านบาท ในการขยายโชว์รูม อีก 2 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ได้แก่ ชนินทร์ โฮม ในซอยทองหล่อ นำเสนอเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งคัดสรรมาเป็นพิเศษ รวมถึงเป็นที่ตั้งของโชว์รูม Waterworks (วอเตอร์เวิร์คส์) แบรนด์สุขภัณฑ์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แห่งแรกในเอเชีย และมีชนินทร์ คาเฟ่ ที่เปิดให้บริการในโชว์นี้เป็นสาขาแรก และชนินทร์ ออฟฟิศ ตั้งอยู่ที่โครงการ Warehouse 26 ในซอยสุขุมวิท 26 นำเสนอไอเดียและเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน จากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิ Herman Miller, Emeco, Ethnicraft และ Walter Knoll ซึ่งจะมีคอฟฟี่บาร์แห่งแรกของชนินทร์อยู่ด้วย"

นอกจากนี้ บริษัทฯขยายพอร์ตแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งต่อยอดธุรกิจด้านการบริการให้ครอบคลุม มากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะมีแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้านเพิ่มขึ้น 5 แบรนด์ในปี 2563 รวมเป็นจำนวนมากกว่า 30 แบรนด์ ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการในประเทศไทย บริษัทฯ เชื่อว่าโปรเจกต์ใหม่ๆเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของบริษัทฯ ทั้งในด้านผลประกอบการและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living Well” หรือปรัชญาที่มุ่งเน้น “การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์” ให้แก่ลูกค้า โดยการให้ความสำคัญกับชิ้นงานคุณภาพและการให้บริการอย่างมืออาชีพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นความโดดเด่นของชนินทร์ ที่ต่างจากคู่แข่งในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง

“การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาตลอด 25 ปี ทางบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ให้เป็นส่วนหนึ่งในการทำบ้าน สำนักงาน หรือโครงการเรียล เอสเตท หลายๆแห่ง ผ่านทางการบริการจากชนินทร์ ทางบริษัทฯ ยังคงมีการลงทุน เพื่อสรรหาสินค้าแบรนด์คุณภาพใหม่ๆ พร้อมทั้งการบริการที่ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่มลูกค้าได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เตรียมพร้อมในการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนา และปรับปรุงให้เข้ากับระบบการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP, แอพพลิเคชั่นต่างๆ, e-commerce เพื่อให้การบริการลูกค้าได้สะดวก และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น”นายชนินทร์ กล่าว

สำหรับ ธุรกิจหลักของชนินทร์ในปัจจุบัน ได้แก่

1.ธุรกิจกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์สำหรับสำนักงาน ประกอบด้วย 11 โชว์รูม ใน 4 โลเคชั่น ณ สยามพารากอน, โนเบิล โซโล ทองหล่อ, อาคารจีพีเอฟ วิทยุ และสุขุมวิท 61 โดยมีแผนจะเปิดตัวโชว์รูมใหม่อีก 2 โลเคชั่น ได้แก่ ซอยทองหล่อ และซอยสุขุมวิท 26

2.ธุรกิจการบริการออกแบบ (Design Service) ให้บริการออกแบบตกแต่งภายใน สำหรับที่อยู่อาศัย สำนักงาน และโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ตั้งแต่ ให้คำแนะนำการออกแบบและตกแต่งภายใน เฟ้นหาดีไซเนอร์ให้เหมาะกับความต้องการและ สไตล์ของลูกค้า การคัดสรรและสั่งซื้อสินค้าจากทั่วโลก การขนส่งโดยผู้เชี่ยวชาญ การให้บริการจัดเก็บสินค้า ตลอดจนถึง การออกแบบอย่างครบวงจร (Turn-key Solution)

3.ธุรกิจกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วย ร้านคลินตัน สตรีท เบคกิ้ง คอมพานี (Clinton St. Baking Company) ซึ่งเป็นร้านอาหารแนวคอมฟอร์ตฟู้ดและแพนเค้กชื่อดัง จากนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐฯ โดยมี 2 สาขา คือ สยามพารากอน และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทฯมีแผนจะเปิด CHANINTR CAFE ซึ่งเป็นร้านอาหารที่สะท้อนถึงปรัชญาในการดำเนิน ธุรกิจของบริษัทฯ โดยเน้นเรื่องวัตถุดิบและคุณภาพของอาหาร และให้ความสำคัญกับ การบริการที่ดี

"เรื่องของตลาดอาคารสำนักงานนั้น ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตดี ซึ่งได้แรงผลักดันมาจากกลุ่มของสตาร์ทอัพและการขยายธุรกิจของโคเวิร์กกิ้งสเปซ ที่มาสนับสนุนตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานให้ขยายตัวได้ดี".