เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล ยิ้มรับอานิสงส์ผังเมือง EEC และสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ กดดันผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในเขต EEC ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้นิคมอุตสาหกรรม TFD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาดูพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้จะกวาดยอดขายที่ดิน 150-200 ไร่
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและส่งเสริมโครงการ Eastern Economic Corridor (EEC) หรือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Seaboard โดยมีเป้าหมายหลักในการเติมเต็มภาพรวมในการส่งเสริมการลงทุน เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ในระยะยาว
โดยระยะแรกจะเป็นการยกระดับพื้นที่ในเขต 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวบริษัทฯ มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา คือ นิคมอุตสาหกรรม TFD 1 และนิคมอุตสาหกรรม TFD 2 ตั้งขนานกับถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี กม.42 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงทำให้เป็นที่ดึงดูดใจผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ของบริษัทฯ
ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ จนเกิดสงครามการค้าขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2561 โดยสหรัฐฯ ได้จัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีนต่างได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการเหล่านั้นจึงพากันย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น โดยมีประเทศไทยอยู่ในตัวเลือกลำดับต้นๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งรัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนเป็นพิเศษ
“นิคม TFD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ในพื้นที่ EEC อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น โดยนักลงทุนได้เริ่มเข้ามาดูพื้นที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมียอดการขายที่ดิน 150-200 ไร่”
นายอภิชัยกล่าวถึงเรื่องที่ดินเช่าจากกรมธนารักษ์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เนื้อที่ประมาณ 1,335 ไร่ ว่า ปัจจุบันกำลังปรับปรุงผังการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและจะเริ่มเข้าทำการปรับพื้นที่ในปลายปีนี้ คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติหลายรายที่มีความประสงค์เข้าร่วมกับบริษัทฯ เพื่อทำการพัฒนาที่ดินแปลงนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาและตัดสินใจเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ เพื่อนำความรู้และความชำนาญของแต่ละฝ่ายมาขับเคลื่อนร่วมกันดำเนินโครงการ ONE NAKRONPHANOM