หนึ่งในท็อปบิ๊กเพลเยอร์อสังหาริมทรัพย์และมีแลนด์แบงก์ในโซนภาคตะวันออกจำนวนมาก คงหนีไม่พ้นตระกูล "สุขะมงคล" ที่ปัจจุบันแต่ละธุรกิจของกลุ่มมีการเติบโต โดยโฟกัสไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังคงครองความเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ผ่านแบรนด์โครงการที่ลูกค้าให้การยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงการแบรนด์ วิจิตราธานี เน้นทำบ้านราคาสูง แบรนด์มารวย เน้นบ้านราคาระดับกลางๆ และแบรนด์วิคทอเรีย เน้นในกลุ่มสตาร์ทอัปคนที่เริ่มต้นในชีวิต เป็นทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท
ล่าสุด มารวยฯ ได้ขยายไลน์สู่ "ธุรกิจปั๊มน้ำมัน" ครั้งแรกและแห่งแรกบนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตร (กม.) ที่ 34 ซึ่งได้ซื้อแฟรนไชส์ปั๊มน้ำมันจากปตท.
"ที่ดินโซนบางนา-ตราด กม.34 เป็นแปลงที่คุณแม่ซื้อสะสมไว้ตั้งนานแล้ว เนื้อที่กว่า 200 ไร่ ราคาตอนนี้สูงมาก เป็นผืนใหญ่ ซึ่งเราไม่ขายแน่นอน เพราะเส้นนี้ คือ ประตูสู่ EEC ซึ่งเรากันที่ดินประมาณ 10 ไร่ มาทำปั๊มน้ำมันและจุดพักรถ" ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ทายาทคนโตของตระกูล กล่าว
การทำปั๊มน้ำมันแห่งแรกดำเนินการกิจการภายใต้บริษัทลูก ที่ชื่อว่า บริษัท มะขามหย่งขนส่ง จำกัด ซึ่งการให้บริการปั๊มน้ำมันได้เปิดบริการแล้ว และจะจัดงานแกรนด์โอเพ่นนิ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมการลงทุนธุรกิจใหม่อยู่ภายใต้งบประมาณ 100 ล้านบาท
ตัวคอนเซ็ปต์ของปั๊มน้ำมันแห่งนี้จะมุ่งให้ความสุขแก่ผู้คน ซึ่งโมเดลที่เราทำ แม้แต่ทางเจ้าของแฟรนไชส์ ปตท. ยังบอกว่า "เราทำดีมากๆ"
เนื่องจากเราใส่ใจกับลูกค้า และมีความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหล่านักเดินทางต้องการ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์รวมอาหารแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ไล่มาตั้งแต่ ร้านเอสแอนด์พี KFC เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านตำมั่ว เขียง ร้านฮอนอาจิราเมง (เจ้าของคือเบทราโก) พิซซ่าคอมปะนี แดรี่ควีน ร้านแม็กซ์แม็กซ์เอาท์เลต ร้านขายของฝากที่ไม่ใช่อาหาร เป็นต้น
สำหรับความสมบูรณ์แบบของการพัฒนาที่ดินทั้งหมดนั้น ดร.สืบวงษ์ กล่าวว่า แปลงที่ดินของคุณแม่นี้สามารถพัฒนาเป็นเมืองได้ ซึ่งเราก็มองเรื่องของโรงแรมไว้เหมือนกัน ทั้งนี้ ธุรกิจปั๊มน้ำมันที่ขยายไลน์ออกมา คงเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของกลุ่ม เปรียบไปแล้วก็เหมือนก็เป็น "แค่นิ้ว" ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่
แต่เหนืออื่นใดแล้ว แปลง 200 ไร่ดังกล่าวบนถนนบางนา-ตราด กำลังถูกเติมเต็มศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของคู่แข่งขัน โดยเฉพาะที่ดินผืนใหญ่ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี จำนวน 2,000 ไร่ ที่จะมาสร้างเมือง สร้างนิคมอุตสาหกรรม สร้างความเป็นเมืองให้เกิดขึ้น จะเป็นอานิสงส์ต่อมูลค่าที่ดินในอนาคต
