"สามย่านมิตรทาวน์" สุดยอดแห่งมิกซ์ยูส คลังแห่งการเรียนรู้และไลฟ์สไตล์ของคนเมือง

ในเวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักกับโครงการ สามย่ามิตรทาวน์ ที่กลายเป็น talk of the town ถึงความอลังการของโครงการ และคอนเซ็ปต์รูปแบบโครงการ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"สามย่านมิตรทาวน์" โครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2562 โดย นายฐาปน-ปณต สิริวัฒนภักดี ทายาทเจ้าสัวเจริญ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ตัดริบบิ้นเปิดโครงการอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 09.59 น. โครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 9,000 ล้านบาท และเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกที่เปิดตัวบนเส้นถนนพระราม 4 และในอนาคตบนเส้นถนนดังกล่าว จะมีโครงการขนาดใหญ่รูปแบบมิกซ์ยูสเกิดขึ้นมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท (ยังไม่นับรวมโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในโซนสุขุมวิท และบางนา)

Samyan Mitrtown (ใกล้วัดหัวลำโพงและจามจุรีสแควร์) ได้สิทธิการเช่า 30+3 ปี จากสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จก่อนกำหนดที่จะเปิดตัวในต้นปี 2563 ตัวโครงการและรูปแบบถูกออกแบบให้มีความล้ำสมัยและมีการผสมผสานทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งเรื่องของค้าปลีก โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย แหล่งรวมกำลังซื้อมหาศาล ซึ่งยังไม่นับรวมกลุ่มของนิสิต นักศึกษา พนักงานที่ทำงานอยู่เส้นสีลม นักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการภายในสามย่านมิตรทาวน์

"ถือเป็นความท้าทายสำหรับเรามากในการทำค้าปลีกโครงการแรก ซึ่งที่ผ่านมา แผ่นดินทองฯ จะมีความโดดเด่นในเรื่องของที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบ ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดสูงติดท็อปทรี และอาคารสำนักงาน การทำค้าปลีก ท้าทายตรงที่เราจะดึงคนเข้าศูนย์ฯ ได้อย่างไร และจะสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างไร เนื่องจากในอนาคต ถนนพระราม 4 จะมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก ต้องทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงแน่นอน เราต้องพร้อม โดยเราตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้เข้าศูนย์หมุนเวียนประมาณ 25,000 คนต่อวัน (1 เดือนเท่ากับ 750,000 คน ทั้งปีประมาณเกือบ 10 ล้านคน) โดยเฉพาะมีโซนที่เปิด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ 5,000 คนต่อวัน และจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 400 บาทต่อคนต่อวัน โดยวางงบการตลาดช่วงแรกนี้ 300 ล้านบาท"

ทั้งนี้ สามย่านมิตรทาวน์ จะกลายเป็น "คลังแห่งการเรียนรู้และศูนย์รวมอาหาร" เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ และคาดว่าหลังจากที่เปิดบริการสมบูรณ์แบบแล้วจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลา 8 ปี ส่วนปีแรกนี้ (2562) จะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าประมาณ 700-800 ล้านบาท

และหากมาลงลึกรายละเอียดโครงการแล้ว ส่วนแรกได้แก่ ที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม สูง 33 ชั้น ชื่อ “ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์” (เป็นรูปแบบ การเช่ากรรมสิทธิ์ระยะยาว หรือลีสโฮลด์) ขนาด 34 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคา 140,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือราคาตั้งแต่ 4.7-5.3 ล้านบาท จากที่เปิดขายครั้งแรกราคา 130,000 บาทต่อ ตร.ม. จำนวน 516 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 60%

โซนอาคารสำนักงาน ชื่อ “มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์” สูง 31 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 48,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วประมาณกว่า 60%

โซนโรงแรม ชื่อ “ทริปเปิ้ล วาย โฮเทล” มีจำนวน 104 ห้องพัก ราคาตั้งแต่ 2,500-3,000 บาท/คืน

โซนรีเทล “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” สูง 6 ชั้น มีพื้นที่เช่า 33,000 ตร.ม. (เป็นพื้นที่ร้านค้าที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ประมาณ 5,000 ตร.ม.) ได้ปล่อยเช่าแล้วกว่า 90% ราคาเฉลี่ย 1,000-1,500 บาทต่อ ตร.ม.ต่อเดือน สัญญาเช่า 3 ปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ร้านค้าต่างๆ ในส่วนพลาซ่าจะเปิดบริการได้ครบ เพราะบางแบรนด์ต้องใช้เวลาในการรออนุมัติจากต่างประเทศ

สำหรับแบรนด์ที่มีการเปิดที่ “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” เป็นแห่งแรก เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวจากไต้หวัน เม่ย เว้ย หว่าน นู้ดเดิ้ล (Mei wei wan noodle) ร้านไก่ทอด โต คิว โจ (To Kio Jo) จากเกาหลี ร้านอาหารสไตล์จีน ดินส์ (Din's) ที่มีการสร้างสรรค์ลูกเล่นหรือกิมมิกใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากร้านอาหารในเครือเซ็นกรุ๊ป ร้านเปี๊ยกเจ (Byeokje) ร้านอาหารเกาหลีประเภทปิ้งย่างที่เปิดสาขาในไทยเป็นที่แรก ร้านกาแฟและอาหารบริการด่วน ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจากประเทศแคนาดา เป็นต้น

ส่วนแบรนด์ที่เปิดคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรก และให้บริการ 24 ชั่วโมงเป็นสาขาต้นแบบแรกด้วย เช่น เคเอฟซี (KFC) ส่งคอนเซ็ปต์ใหม่ '1 OF A KIND' สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ทั้งการสั่งออเดอร์อาหารด้วยระบบ Self-ordering Kiosk และลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านจะได้เห็นกระบวนการประกอบอาหารผ่าน Open Kitchen การสั่งสินค้าผ่านมือถือด้วยบริการ Click & Collect การนำระบบ AR ให้ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้พันแซนเดอร์ส และการจ่ายเงินในรูปแบบ Cashless บิ๊กซี ฟู้ด เพลส (Big C Food Place) ซูเปอร์มาร์เกตที่เน้นจำหน่ายอาหารสดสัดส่วน 50% อีก 50% เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารแห้ง มูจิ ไลฟ์สไตส์ แอนด์ คาเฟ่ (Muji Lifestyle and Café) สาขาแรกในประเทศไทย ที่นำความพิเศษเพิ่มของว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่มมาจำหน่าย ชาบูชิ บุฟเฟต์ (Shabushi buffet) จากโออิชิ กรุ๊ป และก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร ร้านดังจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปิด 24 ชม.สาขาแรก เป็นต้น

“เรามุ่งมั่นพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ให้เป็นคลังแห่งอาหารและการเรียนรู้ เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ร้านค้าและบริการจากแบรนด์ดังต่างๆ เราจะไม่ทำเหมือนเดิม แต่จะมีการสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่เป็นแห่งแรก มาให้บริการแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จากอิทธิพลของเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล ไม่เพียงแค่ร้านค้าของพาร์ตเนอร์เราที่เนรมิตคอนเซ็ปต์ใหม่ เพราะโกลเด้นแลนด์เองได้มีการพัฒนาร้านสินค้าและบริการ คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้โครงการด้วย เช่น ร้านมีเดียม แอนด์ มอร์ (Medium & More) เอพรอน วอล์ค (Apron Walk) ทั้งหมดจะช่วยตอกย้ำให้โครงการมิกซ์ยูสเป็นจุดหมายปลายทางของพนักงานออฟฟิศ นิสิตนักศึกษา ฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัป นักท่องเที่ยว ผู้พักอาศัยในคอนโดฯ โรงแรม รวมถึงคนในพื้นที่สามย่านเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ได้ที่นี่” ธนพล กล่าว

และที่เป็นไฮไลต์อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ จุดทางเชื่อมต่อ MRT ซึ่งบริษัทได้ใช้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาทในการดำเนินการสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างตัวสถานีสามย่านมายังโครงการสามย่านมิตรทาวน์โดยตรง ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเช็กอิน และถ่ายรูปในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก