xs
xsm
sm
md
lg

ผลตอบแทนงามๆ จาก “หุ้น” / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รวบรวม ผลตอบแทนของตลาดหุ้น คำนวณจากดัชนีหุ้นในรอบ 13 ปี นับจากปี 2549 มีผลตอบแทนรวม 143% หรือเฉลี่ยปีละ 11% และ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนสูง

ย้อนเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทบจากการลงทุนในตลาดหุ้น สูงกว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากหลายเท่าตัว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังนำเงินออมฝากกินดอกเบี้ยอยู่

และตัวเลขนักลงทุนในตลาดหุ้นในรอบหลายปี ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากนัก โดยมีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน

ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ดีพอเกี่ยวกับตลาดหุ้น ไม่คุ้นชินกับการแสวงหาผลตอบแทนในรูปแบบใหม่ กลัวความเสี่ยง กลัวเงินต้นหาย จึงมองข้ามการลงทุนในหุ้น

ผลตอบแทนของตลาดหุ้นรอบ 13 ปี เฉลี่ยปีละ 11% นั้น ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่ดีมาก และเป็นผลตอบแทนที่ไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ผลตอบแทนจากดอกเบี้ย ต้องเสียภาษี 15%

ถ้าย้อนดูสถิติผลตอบแทนจากตลาดหุ้นในรอบ 44 ปี นับจากเปิดซื้อขายเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 มีอยู่หลายปีที่ผลตอบแทนสูงมาก เกินกว่า 100%

ปี 2520 ผลตอบแทนของตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 119.59% โดยดัชนีหุ้นปิดที่ 181.58 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2519 ที่ดัชนีหุ้นปิดที่ 82.69 จุด

ปี 2532 ผลตอบแทนตลาดหุ้นอยู่ที่ 127.34% โดยดัชนีหุ้นปิดที่ 879.19 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2531 ซึ่งปิดที่ 386.73 จุด

และปี 2546 ผลตอบแทนตลาดหุ้นอยู่ที่ 116.60% โดยดัชนีหุ้นปิดที่ 772.15 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ซึ่งปิดที่ 356.48 จุด

ช่วงเวลาดีที่สุดของตลาดหุ้น เกิดขึ้นระหว่างปี 2529 ถึง 2532 เพราะตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงติดต่อกัน 4 ปี และเป็นช่วงขาขึ้นของตลาดหุ้นยาวนานที่สุดเป็นประวัติศาสตร์

ปี 2529 ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน 53.54% ปี 2530 ผลตอบแทน 37.52% ปี 2531 ผลตอบแทน 35.72% และปี 2532 ผลตอบแทน 127.34%

รวม 4 ปี ดัชนีหุ้นพุ่งจาก 134.95 จุด ซึ่งเป็นจุด ปิดปี 2528 ทะยานขึ้นมาปิดที่ 879.19 จุดในปี 2532 เพิ่มขึ้น 744.24 จุด หรือเพิ่มขึ้น 554% ซึ่งถ้าคำนวณเป็นผลตอบแทนจะเฉลี่ยประมาณปีละ 138.5%

ปีที่แย่ๆ ของตลาดหุ้น โดยผลตอบแทนติดลบ มีอยู่หลายปีเหมือนกัน แต่ปีที่แย่ที่สุดคือ ปี 2540 ซึ่งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยผลตอบแทนติดลบ 55.18% ดัชนีหุ้นปิดที่ 372.69 จุด ลดลงจากปี 2539 ซึ่งปิดที่ 831.57 จุด

การลงทุนในตลาดหุ้น ถ้าเลือกจังหวะดีๆ ช่วงบรรยากาศการลงทุนสดใส หุ้นกำลังเป็นขาขึ้น หรืออยู่ในยุคกระทิงดุ สามารถกอบโกยความมั่งคั่งได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนกัน

แต่ถ้าเข้าตลาดหุ้นผิดที่ผิดเวลา หลงเข้าไปลงทุนในยุคหมีหรือตลาดหุ้นขาลง ให้เก่งอย่างไรก็กำไรยาก เพียงแต่จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบสหัสวรรษ หรืออาจตั้งแต่มีมวลมนุษยชาติ คงไม่มีอะไรเทียบได้กับ "บิทคอยน์" เงินสกุลดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก เพราะในช่วงเวลาเพียง 10 ปี ผลตอบแทนพุ่งทะยานกว่า 1 ล้านเท่า หรือ 100 ล้านเปอร์เซ็นต์

จากปี 2009 บิทคอยน์ซื้อขายกันเพียงเหรียญละ 1 เซนต์ ล่าสุด ซื้อขายกันที่ประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

สิบปีก่อน ใครใส่เงินซื้อบิทคอยน์ไว้ 1,000 บาท ปัจจุบันเงินจะงอกเป็น 1,000 ล้านบาท เป็นเศรษฐีระดับเจ้าสัวน้อยๆ ทีเดียว

เห็นผลตอบแทนจากบิทคอยน์แล้ว ทุกคนคงอยากย้อนเวลาไปสัก 10 ปี ซื้อบิทคอยน์เก็บตุนไว้สัก 10,000 บาท และวันนี้คงไม่ต้องฝันหวานถึงการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ชุดใหญ่ 15 ใบ

สำหรับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา เป็นเพียงสถิติในอดีต และไม่อาจบ่งชี้ผลตอบแทนในอนาคตได้ แม้แต่ผลตอบแทนในปีนี้ก็ยังไม่แน่ไม่นอน

เพราะตลาดหุ้นไทยราคาไม่ถูกแล้ว ค่าพี/อี เรโช ขยับขึ้นไป 18.8 เท่า สูงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชียที่ค่าพี/อี เฉลี่ย 15.5 เท่า

ปีนี้โอกาสที่ตลาดหุ้นจะสร้างผลตอบแทนเพียง 10% หรือดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นไปปิดที่ระดับ 1,750 จุด มีความเป็นไปได้น้อยเต็มที

จะหาเงินจากตลาดหุ้น ปีนี้หายากจริงๆ



กำลังโหลดความคิดเห็น