กสิกรไทยเปิดตัว MADHUB ศูนย์รวมโซลูชันหนุนผู้ค้าออนไลน์ พร้อมจับมือ KERRY ออกบัตรเดบิตที่ผูกกับบัญชีกระแสรายวัน เก็บข้อมูลก่อนเดินหน้าปล่อยสินเชื่อ
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนคนขายออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2562 มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโต 20% ธนาคารกสิกรไทยซึ่งมีลูกค้าใช้ในการซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดจึงมีการจัดตั้ง MADHUB ศูนย์รวมโซลูชันเพื่อสนับสนุนคนที่ทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น ทั้งในด้านของตัวช่วยในการบริหารจัดการ เช่น ระบบจัดการสต๊อก ระบบจัดการหน้าร้าน และระบบบัญชี และการสนับสนุนทางด้านองค์ความรู้ด้วยคอร์สออนไลน์การตลาดที่จะช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ MADSPACE บนชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อให้บริการผู้ค้าขายออนไลน์อย่างครบวงจรมากขึ้น ธนาคารกสิกรไทยได้ออกบัตรเดบิต MADCARD ที่ให้สิทธิประโยชน์ที่เหมาะสำหรับผู้ค้าออนไลน์ เช่น ส่วนลดค่าโฆษณาเมื่อซื้อโฆษณาบน FacebookInstagram หรือ Google จะได้รับเงินคืน 1% และรับเงินเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ 0.5% หรือสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน รวมถึงส่วนลดสมุดเช็ค 50% และยังมีโอกาสได้รับสินเชื่อจากธนาคารในอนาคตอีกด้วย โดยได้ตั้งเป้าหมายยอดสมัครบัตรดังกล่าวที่ 100,000 ใบใน 1 ปี และเตรียมวงเงินสินเชื่อไว้ 5,000 ล้านบาทใน 1 ปี
พร้อมกันนั้น ได้ร่วมกับพันธมิตร KERRY Expess ที่ให้บริการด้าน Logistic ออกบัตร MADCARD FOR KERRY EXPRESS ซึ่งผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษทั้งจากธนาคารและ KERRY โดยตั้งเป้าหมายมีบัตรดังกล่าว 1,000,000 ใบใน 1 ปี และคาดว่ามีผู้สมัครสมาชิก MADHUB จำนวน 150,000 คนในสิ้นปีนี้
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า บัตรเดบิตทั้ง 2 ประเภทดังกล่าว ถือเป็นบัตรเดบิตใบแรกที่ผูกกับบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งก็จะทำให้ผู้ถือมีโอกาสที่จะใช้วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (โอดี) ต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันธนาคารมียอดปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ค้าออนไลน์ประมาณ 5,300 ล้านบาท โดยคาดว่า ณ สิ้นปีจะมียอดแตะ 10,000 ล้านบาท
**เตรียมเปิดโอน-จ่ายผ่านไลน์**
นอกจากนี้ ธนาคารเตรียมเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีกสิกรไทยบนแพลตฟอร์มบนไลน์ (LINE) ในช่วงต้นปี 2563 ให้แก่ลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารกสิกรไทยเพื่อใช้โอน-จ่ายเงินบนไลน์ ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวธนาคารกสิกรไทยถือเป็นรายแรกในการให้บริการทางการเงินในรูปแบบการโอน-จ่ายเงินบนไลน์ โดยธุรกรรมดังกล่าวเป็นโปรเจกต์สำคัญภายใต้บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือธนาคาร โดยฐานลูกค้าไลน์ปัจจุบันมี 44 ล้านราย ขณะที่ KPLUS มีฐานลูกค้าประมาณ 11.4 ล้านราย จากเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 11.8 ล้านราย
"หลังจากธนาคารนำร่องบริการดังกล่าวแล้ว คาดหวังว่าจะได้ลูกค้าใหม่เข้ามาเปิดบัญชีธนาคารรวมถึงใช้จ่ายเงินบนไลน์ใน 12 เดือนแรกเติบโตประมาณ 1 ล้านราย และในเฟสถัดไปในช่วงต้นไตรมาส 3 ปีหน้าก็จะเพิ่มในเรื่องขของสินเชื่อรายย่อยเพิ่มเติมเข้าไป โดยโฟกัสที่สินเชื่อบุคคลเป็นหลัก และอาจจะเพิ่มเติมบัตรเครดิตต่อเนื่องไป"
สำหรับการร่วมมือแกร็บ ผู้นำแพลตฟอร์มออนไลน์-ทู-ออฟไลน์ (O2O) ในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นการร่วมมือผ่านแอปพลิเคชันการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน และบริการทางการเงินต่างๆ ร่วมกัน อย่าง แกร็บเพย์ บาย เคแบงก์ (GrabPay by KBank) ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนสมาร์ทโฟน (Mobile Wallet) ที่เปิดให้บริการเมื่อช่วงเดือนมิ.ย.2562 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดใช้บริการดังกล่าวแล้วประมาณ 100,000 วอลเลต คาดว่าสิ้นปี 2562 ยอดวอลเลตจะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 วอลเลต มียอดการให้สินเชื่อแก่สมาชิกแกร็บแล้วประมาณ 50 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายสินเชื่อดังกล่าวสิ้นปีนี้ที่ 100 ล้านบาท