xs
xsm
sm
md
lg

เตือนบัตรเอทีเอ็มแถบแม่เหล็ก หลัง 15 ม.ค.63 ใช้ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แบงก์ชาติย้ำผู้ใช้บัตรเดบิต-บัตรเอทีเอ็มแถบแม่เหล็ก เปลี่ยนใช้แบบชิปการ์ด ก่อน 15 ม.ค.63 เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในเรื่องของการป้องกันการปลอมแปลงบัตร การโจรกรรมข้อมูลนำไปทำบัตรปลอม และใช้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม

น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและสถาบันการเงินเร่งผลักดันการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็ม จากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็ก หรือ magnetic card ให้เป็นบัตรชิปการ์ด เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในเรื่องของการป้องกันการปลอมแปลงบัตร การโจรกรรมข้อมูลนำไปทำบัตรปลอม และใช้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนบัตรให้ได้ครบถ้วนภายในปี 2562 โดยสถาบันการเงินต่างๆ ได้ประชาสัมพันธ์และเปลี่ยนบัตรให้ประชาชนมาโดยตลอดและปัจจุบันพบว่ามีผู้เปลี่ยนบัตรเป็นชิปการ์ดไปแล้วประมาณ 47 ล้านใบ แต่ยังคงมีบัตรแถบแม่เหล็กคงเหลือที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอีกประมาณ 20 ล้านใบทั่วประเทศ

น.ส.สิริธิดา กล่าวว่า ธปท.จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ยังใช้บัตรดังกล่าวรีบติดต่อธนาคารที่ใช้บริการ เพื่อเปลี่ยนไปใช้บัตรชิปการ์ดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยแสดงบัตรประชาชน บัตรเดบิต หรือบัตรเอทีเอ็มใบเดิม และสมุดบัญชีเงินฝากไปแสดง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัตร และที่สำคัญหลังจากวันที่ 15 มกราคม 2563 บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องรูดบัตรที่ร้านค้า โดยผู้ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ด หากต้องการใช้เงินสดหรือโอนเงินต้องเบิกถอนได้ที่สาขาธนาคาร หรือใช้ฟังก์ชันกดเงินไม่ใช้บัตรที่ตู้เอทีเอ็ม หรือโอนเงินผ่าน mobile banking หรือ internet banking แทนการใช้บัตร

ทั้งนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า จากจำนวนผู้ใช้บัตรแถบแม่เหล็กที่ยังเหลือในปัจจุบันนี้แบ่งเป็นสัดส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครประมาณ 30% และ 70% ที่เหลือเป็นผู้ใช้งานที่อยู่ในส่วนภูมิภาค


กำลังโหลดความคิดเห็น