“บีทีเอส” งานใหญ่ทยอยเพิ่ม หลังชนะประมูลมอเตอร์เวย์

โบรกเกอร์มอง “บีทีเอส” ได้งานมอเตอร์เวย์เป็นพัฒนาอีกขั้นของบริษัทต่อการก้าวสู่ธุรกิจสาธารณูปโภค มีงานใหญ่เข้ามาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ช่วยเพิ่ม Upside ขยายตัวต่อเนื่อง

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้มุมมองสำหรับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่า 29% ขณะที่ upside นอกประมาณการยังมีอยู่อีกมาก หลังบริษัทรายงานมีกำไรสุทธิ 894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 131% โดยเฉพาะธุรกิจสื่อโฆษณาของ VGI แม้รายได้ยังไม่เด่นจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวการทำ digital transformation กับ MACO แต่สิ่งที่ดีมากคือ บริษัทแสดงศักยภาพในการบริหารราคาได้ดีขึ้นจากการทำสื่อแบบบูรณาการสร้างสรรค์ร่วมกับบริษัทในเครือจนทำให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นจาก 53.1% เป็น 55.1%

ขณะที่ประเด็นที่ควรติดตาม คือ การเจรจาปรับรูปแบบและต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวยังอยู่ในขั้นตอนกับรัฐบาล เพราะคาดว่าเบื้องต้นจะสร้าง upside 1.5 บาท/ หุ้น ถัดมาคือกลุ่ม BGSR ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลงานระบบเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 30 ปีที่จะเข้ามาช่วยเสริม ไม่เพียงเท่านี้ ยังต้องติดตามกลุ่ม BBSJV ที่อยู่ในกระบวนการเสนอราคางาน PPP Net Cost สนามบินอู่ตะเภา

นอกจากนี้ การเข้าถือหุ้น RS 7% ในเบื้องต้นผู้บริหารมองเป็นการลงทุนเพื่อบริหารสภาพคล่อง และมองหาโอกาสจากความร่วมมือ Synergy ทางธุรกิจระหว่าง VGI และ RS เช่น การดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าของ RS 1.2 ล้านคนมาร่วมใช้บริการของกลุ่ม BTS เป็นต้น

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มีมุมมองต่อทิศทางธุรกิจของ BTS ว่า การได้งานมอเตอร์เวย์ถือเป็นการพัฒนาอีกขั้นของบริษัทต่อการก้าวสู่ธุรกิจสาธารณูปโภค เพราะถือเป็นการประเดิมโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ธุรกิจเดิม คือ รถไฟฟ้า และในอนาคตก็จะมีมอเตอร์เวย์อีกหลายสาย รวมทั้งสาธารณูปโภคอื่นๆ อีกมาก ที่เป็นรูปธรรมแล้ว เช่น อู่ตะเภา ขณะที่การร่วมกับพันธมิตร GULF ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง จะทำให้การก้าวไปข้างหน้าของบริษัทมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ทำให้คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 13.72 บาท/หุ้น หลังรวมมูลค่าเพิ่มจากมอเตอร์เวย์ ทำให้ราคาหุ้นกลับมามีส่วนเพิ่มได้อีก 7.2% ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้อีก 4.3%

ขณะเดียวกัน นอกจากการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจแล้ว กันยายนนี้จะมีความคืบหน้าเรื่องการร่วมทุนสายสีเขียว-ส่วนขยาย ทำให้ได้ต่ออายุเส้นปัจจุบันไปอีกนาน และปีนี้ในงวดไตรมาสสุดท้าย (ม.ค.-มี.ค. 63) จะมีการบันทึกกำไรพิเศษถึง 4 พันล้านบาท มาจากการขาย Bayswater 3 พันล้านบาทให้ CPN และกำไรจาก U ขายหมอชิตแลนด์เข้า BTS อีก 1 พันล้านบาท