xs
xsm
sm
md
lg

“ขุนคลัง” ให้คำมั่นนักลงทุนเดินหน้าลงทุน ดูแล ศก.เพื่อยกระดับประเทศให้เติบโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รมว.คลังให้คำมั่นนักลงทุนเดินหน้าลงทุน ดูแล ศก.เพื่อยกระดับประเทศให้เติบโต ในงาน "Thailand Focus" ระบุแผนการพัฒนาประเทศที่ได้ดำเนินการมาด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน จึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าต่อเนื่องไปนั้น จะให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนได้ว่ามีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อไป

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวเปิดงาน Thailand Focus 2019 และปาฐกถาพิเศษ Opening Speech : The New Policy Paradigm "มองไปข้างหน้า สู่นโยบายใหม่" โดยระบุว่า ประเทศไทยได้เคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้งในรัฐบาลก่อนหน้านี้ ในปี 2557 ประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1% และในปี 2561 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.1% สำหรับปี 2562 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือ 3.2% หลังจากในปี 2561 เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ 3.6% สำหรับเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้แม้จะชะลอตัวลง โดย GDP ไทยไตรมาสแรกขยายตัว 2.8% และ 2.3% ในไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปัจจุบันได้ตระหนักถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นและเตรียมพร้อมหลายด้านเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยต่อไป ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาทเพื่ออัดฉีดเงินสู่ระบบแก่กลุ่มเกษตรกร SME เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ได้แก่ สินเชื่อเกษตรกร อัตราดอกเบี้ย 0.1% การพักชำระหนี้ มาตรการบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง การเพิ่มเงินให้แก่ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14.6 ล้านคน

นายอุตตมกล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าการปฏิรูปเพื่อยกระดับประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยสานต่อโครงการต่างๆ ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เช่น โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ทั่วถึงภาคชนบท การพัฒนาทุนมนุษย์ และการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งประเทศไทยได้เดินตามแผนการได้ตามกำหนด และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เห็นได้จาก WEF ปรับเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขันปี 2018 ของไทยสู่อันดับ 38 จากอันดับ 40 ในปี 2560 IMD ปรับเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขันปี 2561 ของไทยสู่อันดับ 25 จากอันดับ 30 ในปี 2560 และธนาคารโลกจัดอันดับ Ease of Doing Business หรือ ความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ติดสูงสุด 3 อันดับแรกของอาเซียน ตามหลังเพียง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ตลอดจนบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้งมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ และฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับคาดการณ์แนวโน้มของประเทศไทยดีขึ้น จาก "Stable" เป็น "Positive"

นอกจากนี้ รัฐบาลมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนเต็มที่ โดยทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้พิจารณาปรับเงื่อนไขการลงทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้น รวมถึงในส่วนกระทรวงการคลังก็พิจารณากำหมายที่เกี่ยวกับการดูแลด้าน e-Commerce ที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส และการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการชำระภาษีผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ และการช่วยเหลือ SME อย่างครบวงจร

ทั้งนี้ สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันสามารถบริหารจัดการได้ มีมาตรการที่ตรงจุด ซึ่งโอกาสใหม่ๆ ของประเทศมีจริง จากการปรับเปลี่ยนประเทศตามยุทธศาสตร์ เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากร ลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนา และทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ามาตรการต่างๆ ที่ออกมาอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง

สำหรับมาตรการ ชอป ชิม ใช้ เป็นมาตรการที่ออกมามีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ซึ่งมาตรการที่ออกมาต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่าย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME และกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

ส่วนกรณีที่พบว่ามีผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ กดเงินไปซื้อสุรานั้น รมว.คลังยอมรับว่าพบบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ซึ่งได้มอบหมายให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องเร่งสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนถึงวัตถุประสงค์ในการใช้บัตรสวัสดิการฯ

ขณะที่ความคืบหน้าที่ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณากองทุนหุ้นยั่งยืน (SEF) เพื่อมาแทนกองทุน LTF นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งจะได้ความชัดเจนภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะพิจารณาถึงความเหมาะสมรอบด้าน

นายอุตตมกล่าวว่า แผนการพัฒนาประเทศที่ได้ดำเนินการมาด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน จึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าต่อเนื่องไปนั้น จะให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนได้ว่ามีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อไป ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคด้วยความเหมาะสม ทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ ขนาดตลาดที่ใหญ่ และความเชื่อมโยงกับภูมิภาคโดยรวม

พร้อมระบุว่า การทำงานของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งมีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 19 พรรคเป็นไปด้วยดี เพราะทุกพรรคการเมืองตระหนักดีว่ามีความคาดหวังจากประชาชนต่อรัฐบาลนี้สูงมาก เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่ฝ่ายค้านมีความคาดหวังสูงเช่นกัน จึงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน


กำลังโหลดความคิดเห็น