วันจันทร์ที่ผ่านมา กระดานซื้อขายหุ้นทั่วโลกแดงฉาน ดัชนีหุ้นหัวทิ่มหัวตำตามๆ กัน เหมือน เกิดวิกฤตแบล็กมันเดย์ 2 หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศกร้าวขึ้นภาษีตอบโต้จีน
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ดิ่งลงทันทีเมื่อวันศุกร์กว่า 623 จุด เพราะความกังวลผลกระทบสงครามการค้ารอบใหม่ และฉุดหุ้นทั่วโลกร่วงตาม
ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในกระแสธารเดียวกับตลาดหุ้นโลก ดัชนีหุ้นระหว่างชั่วโมงซื้อขายทรุดลงกว่า 36 จุด ถอยไปตั้งหลักที่ระดับ 1,609 จุด ก่อนจะดีดตัวกลับในช่วงท้าย และปิดการซื้อขายที่ 1,622.73 จุด เพิ่มขึ้น 23.95 จุด โดยกองทุนรวมในประเทศถล่มขาย 4,180 ล้านบาท และต่างชาติขายอีก 1,392 ล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีออกมากล่าวหลังหุ้นช่วงเช้าร่วงลงกว่า 30 จุด ว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศไทย แต่เกิดเหมือนกันทั่วโลก และเรียกร้องให้นักลงทุนอย่าตกใจ โดยไม่ต้องกังวลอะไร
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤต มักจะมีคนออกมาปลอบใจนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ หรือรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบตลาดหุ้น โดยคราวนี้ นายสมคิด ออกมาทำหน้าที่ เตือนสตินักลงทุนไม่ให้ตื่นตระหนก
เทขายหุ้นทิ้งในลักษณะหนีตาย
แต่ในระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน และความตื่นตระหนกในข่าวร้ายครอบงำ จะเตือนอย่างไร นักลงทุนคงไม่ฟัง เพราะแต่ละคนพยายามเอาตัวรอด ลดความเสี่ยง โดยระบายขายหุ้นทิ้งไว้ก่อน เนื่องจากประเมินไม่ได้ว่า ตลาดหุ้นจะเลวร้ายขนาดไหน ดัชนีหุ้นจะรูดลงลึกเพียงใด
แม้ว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นในช่วงบ่ายวันจันทร์จะดีดขึ้น หลังจากนายทรัมป์ แสดงท่าทีเจรจาหาทางแก้ปัญหาสงครามการค้ากับจีน ทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ล่วงหน้าดีดกลับขึ้นมา รวมทั้งดัชนีหุ้นไทยที่กระเตื้องขึ้น จากลบมากเหลือลบน้อย แต่แนวโน้มหุ้นระยะสั้นก็ยังไม่มีความแน่นอนอยู่ดี
การออกมาเรียกร้องให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก เป็นประเพณีปฏิบัติของผู้ดูแลรับผิดชอบตลาดหุ้นเตือนสตินักลงทุนให้ไตร่ตรองในการตัดสินใจซื้อขายหุ้น ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต แต่ไม่ควรที่จะโน้มน้าวให้นักลงทุนเกิดการมองโลกในแง่ดีเกินไป
เพราะในบางยุค รัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบตลาดหุ้น หรือผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เกินขอบเขต โดยนอกเหนือจากเตือนสติไม่ให้ตื่นตระหนักขายหุ้นแล้ว ยังพยายามชี้นำให้ซื้อหุ้น โดยระบุว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึก หุ้นราคาถูกและต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานอีกด้วย
วิกฤตตลาดหุ้นแต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน บางทีอาจเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ หุ้นทรุดตัวลงเพียงไม่กี่วัน ก่อนดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่ แต่บางทีอาจเกิดขึ้นยืดเยื้อ หุ้นลงยาวนานนับปี เช่น วิกฤตสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งฉุดให้ดัชนีหุ้นทรุดตัวลงเกือบ 50%
นักลงทุนที่แห่เข้าไปช้อนซื้อ หรือไม่ยอมชิงตัดขาดทุนขาย เพราะเชื่อคำชี้นำของผู้ดูแลรับผิดชอบตลาดหุ้น คิดว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะจบเร็วและไม่รุนแรง จึงเกิดความเสียหายหนัก
การเตือนสติในการลงทุนที่กำลังตื่นตระหนกกับวิกฤตตลาดหุ้น จึงต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม อย่าชี้นำให้มองโลกในแง่ดีเกินควร เพราะในสถานการณ์วิกฤต บางทีก็ประเมินอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าวิกฤตจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใด
แม้แต่วิกฤตสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยืดเยื้อมาเป็นปีก็ตาม แม้ขณะนี้ท่าทีของนายทรัมป์ ผ่อนคลายลง ทำให้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกกระเตื้องขึ้น
แต่ใครจะรับประกันว่า สงครามการค้าสงบแล้ว ใครจะรับประกันว่า นายทรัมป์ จะไม่ออกมาอาละวาด ทุบตลาดหุ้นทั้งโลกให้จมดินอีก
นอกจากเตือนนักลงทุนขอให้อย่าตื่นตระหนกขายหุ้นแล้ว ต้องเตือนนักลงทุนให้ระวัง อย่าผลีผลามช้อนซื้อหุ้นด้วย เพราะสงครามการค้ายังไม่จบ