เฟรเซอร์สฯ เผยความสำเร็จเข้าซื้อกิจการ “โกลเด้นแลนด์” หลังทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ซื้อหุ้นรวม 94.5% จาก GOLD ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท มั่นใจหลังควบรวมกิจการ ช่วยเพิ่มขนาดทางธุรกิจ หนุนผลประกอบการมีความสมดุล เสริมความหลากหลายครอบคลุมธุรกิจอสังหาฯ อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และโรงแรม เผยหลังควบรวม GOLD ดันมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 9 หมื่นล้าน ส่ง FPT ขึ้นแท่นผู้นำบริษัทฯ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยทันที

นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยว่า เฟรเซอร์สฯ ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ “โกลเด้นแลนด์” หรือ “GOLD” เป็นที่เรียบร้อย โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94.5% ของหุ้น GOLD ในราคา 8.50 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อรวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของ GOLD เข้ากับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของ FPT จะทำให้บริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นมากกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ FPT ขึ้นแท่นสู่หนึ่งในผู้นำบริษัทฯ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยทันที
“ความสำเร็จในการควบรวมกิจการในครั้งนี้ เป็นการรวม 2 องค์กรที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าด้วยกัน จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ FPT ทั้งในระดับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมสร้างโอกาสในการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่บริษัท” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ การควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน จะทำให้ FPT ได้รับประโยชน์จากการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นที่มีความหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้ประโยชน์ของที่ดินพร้อมพัฒนาและสินทรัพย์ต่างๆ โดย FPT และ GOLD จะมุ่งมั่นผสานความแข็งแกร่งระหว่างองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ ด้วยทีมงานมืออาชีพ และพันธมิตรชั้นนำของทั้ง 2 องค์กร ตลอดจนแนวโน้มของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดี เราจึงมั่นใจว่า FPT จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
“สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 มิถุนายน 2562) ประสบความสำเร็จมากที่สุดนับตั้งแต่การเพิ่มทุนเมื่อปี 2559 โดยกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีรายรับจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ดีขึ้นมากกว่าผลงานในอดีต คิดเป็นยอดรายรับรวมถึง 4,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,419 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิคิดเป็น 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 474 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปัจจุบัน FPT มีอัตราพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) อยู่ที่ร้อยละ 81” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ FPT ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้นกว่า 36,000 ล้านบาท
“FPT ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าในพอร์ตของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Build-to-Suit ที่สามารถให้บริการลูกค้าที่ต้องการโรงงานและคลังสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีความทันสมัยและตอบการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่เติบโตขึ้นในอนาคตได้อย่างลงตัว ซึ่งล่าสุด FPT ได้จับมือกับเซ็นทรัล รีเทล พัฒนาโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่รูปแบบ Build-to-Suit ในโครงการโลจิสติกส์แคมปัสระดับเวิลด์คลาสแห่งแรกของประเทศไทย” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ FPT ยังประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 3,269 ล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักลงทุน เพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยและสภาพคล่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของความสามารถเชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยว่า เฟรเซอร์สฯ ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ “โกลเด้นแลนด์” หรือ “GOLD” เป็นที่เรียบร้อย โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94.5% ของหุ้น GOLD ในราคา 8.50 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อรวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของ GOLD เข้ากับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของ FPT จะทำให้บริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นมากกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ FPT ขึ้นแท่นสู่หนึ่งในผู้นำบริษัทฯ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยทันที
“ความสำเร็จในการควบรวมกิจการในครั้งนี้ เป็นการรวม 2 องค์กรที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าด้วยกัน จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ FPT ทั้งในระดับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมสร้างโอกาสในการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่บริษัท” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ การควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน จะทำให้ FPT ได้รับประโยชน์จากการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นที่มีความหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้ประโยชน์ของที่ดินพร้อมพัฒนาและสินทรัพย์ต่างๆ โดย FPT และ GOLD จะมุ่งมั่นผสานความแข็งแกร่งระหว่างองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ ด้วยทีมงานมืออาชีพ และพันธมิตรชั้นนำของทั้ง 2 องค์กร ตลอดจนแนวโน้มของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดี เราจึงมั่นใจว่า FPT จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
“สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 มิถุนายน 2562) ประสบความสำเร็จมากที่สุดนับตั้งแต่การเพิ่มทุนเมื่อปี 2559 โดยกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีรายรับจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ดีขึ้นมากกว่าผลงานในอดีต คิดเป็นยอดรายรับรวมถึง 4,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,419 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิคิดเป็น 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 474 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปัจจุบัน FPT มีอัตราพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) อยู่ที่ร้อยละ 81” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ FPT ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้นกว่า 36,000 ล้านบาท
“FPT ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าในพอร์ตของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Build-to-Suit ที่สามารถให้บริการลูกค้าที่ต้องการโรงงานและคลังสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีความทันสมัยและตอบการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่เติบโตขึ้นในอนาคตได้อย่างลงตัว ซึ่งล่าสุด FPT ได้จับมือกับเซ็นทรัล รีเทล พัฒนาโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่รูปแบบ Build-to-Suit ในโครงการโลจิสติกส์แคมปัสระดับเวิลด์คลาสแห่งแรกของประเทศไทย” นายโสภณ กล่าว
นอกจากนี้ FPT ยังประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 3,269 ล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักลงทุน เพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยและสภาพคล่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของความสามารถเชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต