บอร์ด “SUPER” เข้าลงทุน 2 บริษัท “อพอลโล่ โซล่าร์ และ เมืองไทยน่าอยู่” เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน พร้อมแจ้งงบไตรมาส 2/62 สดใส กวาดรายได้ 1.58 พันล้านบาท รับอานิสงส์โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว รับรู้ต่อเนื่อง ตั้งเป้าธุรกิจครึ่งปีหลังไปต่อจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฯ เวียดนาม พร้อม COD แล้ว วางเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำด้านพลังงานทดแทนของภูมิภาคเอเชียปี 2563
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์โซล่าร์เอนเนอร์ยี จํากัด (“SSE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทําสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท อพอลโล่ โซล่าร์ จำกัด (“APL”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากผู้ถือหุ้นเดิม 2 ราย ในสัดส่วน 25.57% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 50,625,000 บาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน APL ครั้งนี้ส่งผลให้ SSE ถือหุ้น APL เพิ่มขึ้นจากเดิม 48.86% เป็น 74.43% ของทุนจดทะเบียนของ APL ทั้งนี้ APL ดําเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 5.4 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังได้ให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จํากัด (“SUPER EARTH”) เข้าทํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จํากัด ( MNY”) จาก บริษัท เอนเนอร์จี รีพลับบลิค จํากัด (“Energy Republic”) ในสัดส่วน 92.54% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 120 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเมืองไทยน่าอยู่ในครั้งนี้ส่งผลให้ SUPEREARTH เข้าถือหุ้นทางอ้อมในบริษัท หนองคายน่าอยู่ จํากัด (“NKNY”) ในสัดส่วน 62% ของทุนจดทะเบียนของ NKNY รวมทั้งการจัดตั้ง บริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จํากัด บริษัทย่อย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจผลิตและจําหน่ายน้ำ 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จํานวน 100,000 หุ้น ในมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งการขยายการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,580.66 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,439.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 140.94 ล้านบาท หรือ 9.78% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 352.53 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี จากสาเหตุการเติบโตดังกล่าว มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) สหกรณ์การเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ ที่มีการทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 สามารถรับรู้ได้เต็มในไตรมาส โครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เพิ่มเติม
สำหรับทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง มั่นใจว่ามีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามที่ COD ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยการจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 186.72 เมกะวัตต์ รวมทั้งจะมีโครงการใหม่ในเวียดนามเพิ่มอีก 1 โครงการ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ต.ค.นี้ นอกจากนี้ SUPER จะมี COD ในส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะที่จังหวัดพิจิตร ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ยอดรวม COD สิ้นปีนี้แตะ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 800-900 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศ โดยจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563
“เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เพราะจะเห็นว่าความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาด CLMV มีจีดีพีเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (IRR) สูง ซึ่งจะสนับสนุนต่อช่องทางและฐานรายได้ในอนาคต และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายจอมทรัพย์กล่าว