SPCG โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก กวาดรายได้กว่า 2.6 พันล.กำไรสุทธิกว่า 1.5 พันล.เตรียมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.5 บาท วันที่ 6ก.ย. พร้อมเดินหน้าขยายฐานธุรกิจโซลาร์ต่อเนื่องทั้งในและนอกประเทศ ประกาศร่วมลงทุนโครงการ Mega Solar ที่ญี่ปุ่นอีก 469 MW เงินลงทุนกว่า 6 หมื่นล้าน
วันนี้( 13 ส.ค.)นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” แถลงผลประกอบการงวด 6 เดือนหรือครึ่งปีแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.บริษัทมีกำไรสุทธิกว่า 1,520.1ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากงวดเดียวกันของปีก่อนและทำรายได้รวมกว่า 2,600 ล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลดำเนินงาน วันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.5 บาท ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 28 ส.ค.กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 6 ก.ย.
นางวันดี กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทฯ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือ โซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า260 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เมืองทอตโตะริประเทศญี่ปุ่น ขนาด 30 เมกะวัตต์ รวมไปถึงยอดขายโซลาร์รูฟ จากลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบ้านพักอาศัย , กลุ่มอาคารพาณิชย์ และ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าติดโซลาร์รูฟของบริษัทแล้ว ต่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี สามารถลดค่าไฟได้ทันที ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้กิจการของลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนความคืบหน้าของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 469 เมกะวัตต์ ที่เป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท งบการลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารสำคัญต่างๆ และจะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างต่อไป โดยจะมีการแจ้งให้ทราบถึงสัดส่วนในการถือหุ้นเร็วๆนี้
สำหรับความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตแผงโซล่าร์รูฟที่ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited หรือ MUL, บริษัทพีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดหรือ PEA ENCOM และ บริษัท KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ในวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทร่วมกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยตั้งเป้าในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซล่าร์รูฟให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ภายในสิ้นปี 2563กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์