xs
xsm
sm
md
lg

อย่าผลีผลามช้อนหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเดือนสิงหาคม เป็นหนังคนละม้วนกับเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะ 2 เดือนก่อนหน้า การซื้อขายหุ้นเป็นไปด้วยความคึกคัก ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ เข้าสู่ช่วงขาขึ้นเต็มตัว แต่ย่างเข้าสู่เดือนสิงหาคม ดัชนีหุ้นกลับสู่ภาวะหัวทิ่มหัวตำ 

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มมองโลกสวย พากันขยับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้น โดยทำนายว่า ปลายปีจะพุ่งทะยานแตะระดับ 1,800 จุด

แต่ล่าสุด นักวิเคราะห์สังกัดโบรกเกอร์บางค่ายเริ่มปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นลง โดยคาดว่า ปลายปีอาจจะอยู่แถวระดับ 1,700 จุด

ข่าวร้ายไหลทะลักเข้าสู่ตลาดหุ้น นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม โดยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนปะทุขึ้นใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง ค่าเงินปั่นป่วน ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ โดยมีการวางระเบิดป่วนกรุง และเป็นข่าวร้ายที่สร้างความตื่นตระหนกซ้ำเติม

ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่งกลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้นตลอดเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ปรากฏว่า ปรับกลยุทธ์ใหม่ หันมาถล่มขายหุ้นออก และเพียง 5 วันทำการของเดือนสิงหาคม ต่างชาติมียอดขายหุ้นสุทธิสะสมรวม 15,023 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะยังเทขายไม่หยุด 

กูรูหุ้นสังกัดโบรกเกอร์ใหญ่ที่เชื่อว่า ครึ่งปีหลังต่างชาติยังคงกลับเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเดือนละประมาณ 1 หมื่นล้านบาทนั้น ไม่รู้ว่า ปัจจุบันยังมีความเชื่อว่าฝรั่งจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่

เพราะเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ฝรั่งเทขายหุ้น ทยอยขนเงินกลับบ้านแล้ว

ข่าวร้ายที่กระหน่ำใส่ตลาดหุ้นชุดใหญ่ในรอบนี้ ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นครึ่งปีหลังเป็นสิ่งที่นอกเหนือคำทำนาย ไม่รู้ดัชนีหุ้นจะเคลื่อนตัวไปทิศทางไหน หรือดัชนีหุ้นจะถอยหลังไปตั้งหลักที่จุดใด เพราะไม่มีอะไรที่นิ่ง สถานการณ์รอบด้านไม่น่าไว้วางใจ

ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนทั่วโลกแห่กันกระโดดลงหลุมหลบภัย ย้ายเงินเข้าไล่ซื้อทองคำ ส่วนราคาน้ำมันร่วงหนัก ส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีหุ้นมากที่สุด

อัตราเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นพุ่งขึ้นสูงมาก ซึ่งนักลงทุนควรชะลอการซื้อขาย และหันมาถือเงินสดในมือให้มากที่สุด ก่อนออกมายืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ

แต่ขณะที่ต่างชาติถล่มขาย นักลงทุนรายย่อยกลับเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ เข้าไปรับ “ของแพง” ที่ฝรั่งขาย จนเจ็บหนักตามๆกัน

ครึ่งปีแรกนักลงทุนรายย่อยกำหนดกลยุทธ์ถูกต้องมาตลอด โดยทยอยขายหุ้นทำกำไร ในภาวะตลาดขาขึ้น แต่กำลังจะคืนกำไรกลับสู่ตลาด เพราะความรีบร้อนช้อนซื้อหุ้น ทั้งที่ควรจะรอคอยจังหวะเพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำ

5 วันทำการของเดือนสิงหาคม นักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ โดยซื้อสุทธิรวม 14,403 ล้านบาท และคงจะเตรียมช้อนซื้อหุ้นต่อไป เพราะคิดว่าหุ้นลงมาจนถูกน่าซื้อเก็บ โดยไม่ได้หวั่นไหวในความผันผวนที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก

ตลาดหุ้นในระยะสั้นอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน สงครามการค้าไม่อาจประเมินว่าจะลุกลาม สร้างผลกระทบเศรษฐกิจ การลงทุน ตลาดหุ้นและตลาดเงินรุนแรงขนาดไหน และไม่รู้ว่าต่างชาติจะถอนทัพกลับบ้านหมดหรือไม่ จะถล่มขายหุ้นอีกเท่าไหร่

นักลงทุนรายย่อยจึงไม่ควรผลีผลามรีบร้อนช้อนซื้อหุ้น และอย่าคิดว่าหุ้นวันนี้ถูกแล้ว เพราะพรุ่งนี้อาจซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกกว่า



กำลังโหลดความคิดเห็น