ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ มองท่องเที่ยวใน อ.ขนอม ยังเติบโต นักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศนิยมพักผ่อน สัมผัสกับธรรมชาติ พร้อมเปิดบริการโรงแรมขนอม บีชฯ มูลค่า 130 ล้านบาท ยกระดับสู่โรงแรมระดับมาตรฐาน เล็งลงทุนแห่งที่ 2 หากอัตราเข้าพักขยับแตะ 80% เผยราคาติดชายหาดพุ่ง 12 ล้านบาทต่อไร่
นายวิทวัส อธิคมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขนอมพร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด เจ้าของโรงแรม ขนอม บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่ในอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงภาพรวมของการท่องเที่ยวในอำเภอขนอม ว่า เป็นอำเภอที่ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ชื่นชอบในธรรมชาติ ทะเลที่สวยงามและความเงียบสงบของสถานที่ท่องเที่ยว เหมาะแก่การเข้ามาพักผ่อน โดยมีนักท่องเที่ยวในแถบประเทศโซนยุโรป เยอรมนี และจากอังกฤษ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ส่วนของคนไทยจะนิยมมาพร้อมครอบครัว
สำหรับโรงแรมขนอม บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นโครงการแรกที่ตนเองเข้ามาลงทุนและบริหารโครงการ โดยเป็นที่ดินสะสมของครอบครัวที่ทยอยซื้อมาตั้งแต่ปี 2548 รวมเนื้อที่กว่า 7 ไร่ พัฒนาโรงแรมในรูปแบบรีสอร์ตระดับ 4 ดาว เนื่องจากต้องการยกระดับการบริการของโรงแรมให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางมาพักผ่อนที่ อ.ขนอม
"ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนและพัฒนาโรงแรม เรามองว่าอำเภอขนอม ยังขาดโรงแรมและการบริการแบบใด จากการสำรวจจะเป็นโรงแรมแบบที่ชาวบ้านทำกัน เราเห็นโอกาสทางการตลาด และกำหนดรูปแบบโรงแรมจะต้องมากกว่าที่อื่น 1 ขั้น ผมจึงตัดสินใจลงทุนเยอะกว่าโรงแรมทั่วไป เพราะต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ในอำเภอขนอม เราต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแล้วประทับใจ อย่างห้องพัก เราอยากให้ลูกค้าอยู่กับเรา พักในโรงแรม ไม่ใช่บีบหรือไล่ลูกค้าออกไปข้างนอก โดยขนาดห้องพักจะกว้างประมาณ 44 ตารางเมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก"
โดยโรงแรมขนอม บีชฯ มีมูลค่าโครงการสูงถึง 130 ล้านบาท ซึ่งในระยะแรกของการลงทุนนั้น การก่อสร้างค่อนข้างประสบปัญหา เนื่องจากในมุมมองงานในอำเภอขนอมที่น้อย น่าจะทำให้หาผู้รับเหมาได้คล่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้รับเหมาในขนอมน้อย ผู้รับเหมาย้ายฐานไปรับงานนอกเมือง ซึ่งไม่คุ้ม ทำให้บริษัทต้องปรับวิธีว่าจ้างคนงานมาเป็นชุดๆ เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ จากแผนเดิมใช้เวลา 1 ปีกว่า กลับต้องนานถึง 3 ปี แล้วเสร็จในปี 2562 โดยเปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นจังหวะที่ภายในอำเภอมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต ลูกค้าเข้ามาพักจำนวนมาก
"ปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรม 60% ต่อปี ซึ่งเดิมเราคิดว่า ตลาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะเติบโต แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจแล้ว การที่เรามีค่าเฉลี่ยการเข้าพักระดับดังกล่าวก็ถือว่าเก่งแล้ว ตอนนี้เราลดราคาห้องพักลงมากว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยวางเป้าภายใน 8 ปี จะสามารถคืนทุนในการลงทุน นอกจากนี้ ทางครอบครัวยังมีที่ดินในขนอมติดชายทะเลประมาณ 5 ไร่ เตรียมแผนพัฒนาโรงแรมระดับ 5 ดาว พูลวิลล่า แบบ 2 และ 3 ห้องนอน ซึ่งการลงทุนต้องดูดีมานด์ก่อน เนื่องจากอัตราการเข้าพักโรงแรมในขนอมทั่วไปอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากสามารถขยับขึ้นไปสู่ระดับ 70 เปอร์เซ็นต์ได้ นั่นหมายความว่า อัตราเข้าพักของโรงแรมขนอมบีชจะขึ้นไปแตะระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ อาจเป็นจังหวะที่บริษัทจะขยายลงทุนแห่งที่ 2 ได้"
นายวิทวัส กล่าวถึงสภาพตลาดของโรงแรมในขนอม ว่า แม้จะมีการเปิดให้บริการจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน ด้วยความเจริญทำให้ราคาที่ดินติดชายทะเลปรับสูงขึ้น บางแปลงที่มีการซื้อขายไปแล้วสูงถึง 12 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งเจ้าของจะพัฒนาเป็นรีสอร์ตเช่นกัน
ในด้านการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น นายวิทวัส กล่าวว่า อยากเรียกร้องเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับการออกข้อกำหนดของผังเมืองในการส่งเสริมให้เป็นตลาดเชิงอนุรักษ์ และยังไม่มีข้อบังคับหรือกฎหมายใหม่เกี่ยวกับระยะถอยร่นจากทะเล ที่จะต้องห่างชายหาดกี่เมตร อาคารต้องมีความสูงกี่เมตร นอกจากนี้ ควรกำหนดเรื่องการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ไม่ไปทับระบบน้ำ จนทำให้การไหลของน้ำไม่สะดวก ในระยะยาวจะทำให้เกิดปัญหาต่อการระบายน้ำได้ เหมือนบางจังหวัดที่เมืองขนาดใหญ่เกิดปัญหาน้ำท่วม
