จาร์ตัน รุกตลาด SMART HOME SOLUTION เตรียมวางขายในโมเดิร์นเทรด พร้อมจับมือดีลเลอร์ขยาย 150 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายทั้งกลุ่มทะลุ 800 ล้านบาท ในปี 63
นายธีธัช จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จาร์ตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิต ติดตั้งและส่งออกระบบ “บ้าน” และ “อาคาร” ครบวงจร (JARTON) เปิดเผยว่า ภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัวทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และมาตรการ LTV แต่สินค้าประเภท SMART HOME SOLUTION หรือระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ กลับเติบโตสวนกระแส ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจสินค้านวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ การที่มีสต๊อกคอนโดมิเนียมคงค้างหรือบ้านเหลือขายในตลาดเป็นจำนวนมากทำให้ผู้ประกอบการต่างหาจุดขายด้วยการนำ SMART HOME เข้าไปใช้ภายในห้องหรือในโครงการเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการ ทำให้ในปัจจุบันตลาดเติบโตขึ้นอย่างมาก
ปัจจุบัน ตลาด Smart Home มีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่บริษัทส่วนใหญ่ขายสินค้าประเภทเดียว หรือนำเข้าจากประเทศจีน บางเทคโนโลยีนำเข้ามาจากประเทศอื่นๆ แต่ต้องใช้งานผ่านระบบ Z-WAV และ ZIGBEE ซึ่งมีต้นทุนที่สูง ต้องมีอุปกรณ์ติดตั้งเสริมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ ในขณะที่เทคโนโลยีของจาร์ตันเป็นแอปพลิเคชัน Smart Home ที่ใช้งานผ่านระบบ wi-fi โดยใช้ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ IOS และ Android
ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลูกค้าโครงการ อาคาร โรงแรม หน่วยงานราชการ แต่จากการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับการใช้งานของกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี และยังพบว่ากลุ่มบ้านทาวน์เฮาส์มีความต้องการ SMART HOME เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสัญญาณกันขโมย ซึ่งระบบ JARTON Home ไม่ต้องวางสายให้ยุ่งยาก ใช้งานง่ายเพียงต่อ ลูกค้าสามารถซื้ออุปกรณ์ไปติดตั้งได้ด้วยตัวเอง (DIY) ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เชื่อมต่อเพิ่มทำให้ต้นทุนถูกลง ราคามีตั้งแต่ไม่ถึง 1,000-60,000 บาท ขึ้นอยู่กับลูกค้าเลือก ซึ่งในไตรมาส 4 บริษัทจะเริ่มขยายตลาดไปยังกลุ่มบ้านเดี่ยว ราคามีตั้งแต่ 30,000-100,000 แสนบาท
ทั้งนี้ ระบบ SMART HOME SOLUTION ของบริษัทเติบโตถึง 70-80% ซึ่งในอดีตเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา เติบโตปีละประมาณ 10-15% เท่านั้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างดี จากการรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในโครงการใหญ่ๆ รวมไปถึงงานปรับปรุงอาคารเก่าให้กลายเป็นอาคารอัจฉริยะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบ้านอัจฉริยะมีโอกาสเติบโตอีกกว่า 25-30%
นายธีธัช กล่าวต่อว่า ในปลายปี 2563 ยังมีแผนที่จะเพิ่ม Shop in Shop กระจายไปทุกสาขาของโมเดิร์นเทรด โดยในปลายปี 2562 คาดว่าจะขยายได้ประมาณ 80 สาขา แต่ละสาขาจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 150,000 บาท และในปี 2553 ยังมีแผนที่จะขยาย Shop ขนาดเล็กในร้านค้าของดีลเลอร์ตามหัวเมืองใหญ่ที่มีการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก ให้ได้จังหวัดละ 1-2 สาขา หรือประมาณ 150 สาขา แต่ละสาขาจะใช้พื้นที่ประมาณ 9 ตารางเมตร ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 300,000 บาท จากปัจจุบันจาร์ตันมีดีลเลอร์ทั่วประเทศประมาณ 800 ร้านค้า รวมไปถึงการใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ปรับปรุงโชว์รูมที่พระราม 3 ให้เป็น “สมาร์ท โชว์รูม” อีกด้วย
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว “JARTON Home” แอปพลิเคชัน พร้อมนำผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มหลักไปจัดแสดงภายในงาน “บ้านและสวนแฟร์ mid year 2019” ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 3-11 สิงหาคม 2562 นี้ ซึ่งที่ผ่านมา สินค้าทุกกลุ่มภายใต้แบรนด์ของจาร์ตัน กรุ๊ป ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าการเปิดตัว JARTON Home แอปพลิเคชันจะได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้างานโครงการที่เป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียม เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการการใช้งานของลูกค้าให้มีไลฟ์สไตล์ที่สะดวกและง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ Wi-Fi ผ่าน JARTON Home แอปพลิเคชันได้เบ็ดเสร็จในแอปเดียว
JARTON Home ที่ใช้ระบบ Wi-Fi Smart Home แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสินค้า มุ่งเน้นเจาะทุกกลุ่มลูกค้าผู้ที่ใช้งานทั้งภายในบ้านและคอนโดฯ ส่วนตัว รวมทั้งในส่วนของกิจการที่พักไปจนถึงโรงแรมขนาดใหญ่ โดยในส่วนของกลุ่มลูกค้าผู้ที่ใช้งานภายในบ้านและคอนโดฯ ส่วนตัวสามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง เพียงแค่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi Router 2.4GHz ที่มีอยู่แล้ว จากนั้น ดาวน์โหลด JARTON Home แอปพลิเคชันมาใช้งาน โดยใช้ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เพียงเท่านี้ก็ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านผ่าน “แอปพลิเคชัน” บนมือถือได้ทันที ไฮไลต์สินค้ามีทั้งตัวเซ็นเซอร์จับการเปิดปิดและกล้องที่ใช้งานได้ง่าย หมดกังวลเรื่องลืมเปิดปิดไฟฟ้า ปิดแก๊ส ปิดน้ำ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในที่พัก
สำหรับผลิตภัณฑ์ของระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ 5 หมวด ประกอบด้วย 1.ระบบบริหารลานจอดรถ (JARTON Carpark) 2.ระบบควบคุมการเข้าออก (JARTON Access และ JARTON Lock) 3.ระบบกล้องวงจรปิดสำหรับอาคารขนาดใหญ่ (JARTON CCTV) 4.ระบบกุญแจโรงแรม (JARTON Hotel)
และ 5.ระบบ Wi-Fi Smart Home (JARTON Home) ที่แบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มรักษาความปลอดภัย เช่น กุญแจดิจิทัล กล้องวงจรปิด สัญญาณกันขโมย กลุ่มอำนวยความสะดวก เช่น สวิตช์ไฟอัจฉริยะ กล่องควบคุมรีโมต กลุ่มสุขภาพ เช่น เครื่องฟอกอากาศ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น กลุ่มไลฟ์สไตล์ เช่น เครื่องอโรมาพร้อมลำโพง กระจกอัจฉริยะ
นายธีธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเมินว่าสินค้าในกลุ่ม Smart Home มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันจาร์ตันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 30% และตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า