อินโดรามา เวนเจอร์ส เข้าซื้อกิจการส่วนผลิตออกไซด์ของ Huntsman มูลค่ารวม 2,076 ล้านเหรียญสหรัฐ ดันกำลังการผลิต เพิ่มธุรกิจปลายน้ำแบบบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อเพิ่ม (core EBITDA) ของ IVL และดันกำลังการผลิต 235 ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
นายโซวิค รอย เชาว์ดูรี่ เลขานุการ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2562 มีมติอนุมัติการเข้าซื้อธุรกิจหรือสินทรัพย์บางส่วนจากบริษัท Huntsman Corporation สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และ/หรือ บริษัทย่อยในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxides) และอนุพันธ์ (Derivatives) ซึ่งใช้ผลิตผลิตภัณฑ์หลัก
กล่าวคือ เอทิลีนออกไซด์ (Ethylene Oxide - EO), โพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide - PO), ไกลคอล (Glycols), เอทาโนลามีน (Ethanolamines - EOA), สารลดแรงตึงผิว (Surfactants), ลิเนียร์ อัลคิลเบนซีน (Linear Alkylbenezene - LAB) และเมทิล เทอร์เชียรี-บิวทิล อีเทอร์ (Methyl Tertiary-butyl Ether - MTBE) ซึ่งตั้งอยู่ที่ Port Neches รัฐเทกซัส, เมือง Dayton รัฐเทกซัส, เมือง Alvin (Chocolate Bayou) รัฐเทกซัส, เมือง Botany รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย และเมือง Ankleshwar ประเทศอินเดีย รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนา สิทธิบัตร และเทคโนโลยีบางส่วน
การเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้จะขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญของ IVL ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxides) ในแถบชายฝั่งบริเวณอ่าวของสหรัฐอเมริกา (Gulf Coast of the United States : USGC) ผ่านความเป็นเลิศในการดำเนินงานในระดับมาตรฐานสากล สูตรและเทคโนโลยีที่แตกต่าง และมีความเหมาะสมกับการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxides) และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ประกอบด้วยแพลตฟอร์มเอทิลีนออกไซด์ (Ethylene Oxide) และโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide)
ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้มานั้นเป็นธุรกิจปลายน้ำแบบบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผลิตสารลดแรงตึงผิว (Surfactants) ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลในครัวเรือน และผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide) ที่ใช้ในการผลิตวัสดุฉนวนและโฟม (insulation and foam materials) ซึ่งธุรกิจชั้นนำปลายน้ำ (leading downstream businesses) ดังกล่าวจะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการบูรณาการในธุรกิจต้นน้ำและธุรกิจปลายน้ำในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
จากการประมาณการการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรหลักก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (core EBITDA) ของ IVL ในปี 61 ในอัตรา 25% และยังช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในอัตรา 23% ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยมูลค่าของการเข้าซื้อกิจการ/สินทรัพย์ ซึ่งคำนวณจากมูลค่ากิจการ (enterprise value) เท่ากับ 2,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 61,960 ล้านบาท) โดยบริษัทจะชำระเป็นเงินสดทั้งหมดและรับภาระผูกพันในเงินบำนาญ (pension obligations) เป็นเงิน 76 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 2,354 ล้านบาท)