เจตาแบค เผย เจตาแบค เวียดนาม รับงานผลิตบอยเลอร์ให้ลูกค้ารายใหญ่ 3 ราย มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท มั่นใจช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทในปีนี้ เล็งสร้างโรงงานผลิตในเวียดนามเพิ่ม จากศักยภาพแรงงานและต้นทุนผลิตที่เหมาะสม พร้อมปรับกลยุทธ์การจำหน่ายเพิ่มยอดขายในอนาคต
นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB เปิดเผยว่า บริษัท เจตาแบค เวียดนาม จำกัด (GTV) ได้รับคำสั่งซื้อบอยเลอร์มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท จากลูกค้ารายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ บริษัท Vinfast ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ VINGROUP ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของเวียดนาม สั่งซื้อ Hot Water Boiler (หม้อต้มน้ำร้อน) CPV Food Company Limited ที่ได้ลงนามในสัญญาสั่งซื้อเครื่องกำเนิดไอน้ำและเครื่องทำน้ำมันร้อน ขณะที่บริษัท Nestle สั่งซื้อเครื่องกำเนิดไอน้ำเพื่อใช้ในโรงงานเช่นกัน ทั้งนี้ จากการที่ เจตาแบค เวียดนาม หรือ GTV ได้รับงานโครงการใหญ่หลายงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้น่าจะมีการรับรู้รายได้สูงขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาสร้างโรงงานผลิตบอยเลอร์อีกแห่งในเวียดนามเพื่อขยายกำลังการผลิตและจำหน่าย โดยในประเทศเวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวอย่างมากจากการลงทุนจากประเทศต่างๆ อีกทั้งมีแรงงานที่มีฝีมือและค่าแรงที่เหมาะสมต่อการลงทุนของบริษัท
ขณะที่บริษัทฯ มีแผนที่จะปรับรูปแบบของการจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซียตามโมเดลของประเทศเวียดนาม จากนั้นจะทยอยปรับรูปแบบการจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ต่อไป โดยการมีบริษัทย่อยในต่างประเทศนั้นจะทำให้มีความสามารถในการให้บริการ การหาลูกค้า และการทำการตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายในอนาคต
นายสุชาติกล่าวว่า ตลาดอาเซียนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากทุกอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นต้องใช้ Steam Boiler โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งบริษัทพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต พร้อมทั้งขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดแข็งเรื่องการบริการหลังการขายของบริษัทที่ดำเนินการมากว่า 35 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศด้วยดีเสมอมา
สำหรับการดำเนินงานในปี 2562 นั้น บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมียอดคำสั่งผลิตใหม่ๆ ทั้งในประเทศ และบริษัทย่อยในต่างประเทศเข้ามา โดยยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ในการขยายตลาดเพื่อรับงานในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานให้เติบโตได้มากขึ้น