xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชี้สงครามการค้ากระทบไทยเพิ่ม ห่วงจีดีพีหลุด 3% หากแรงกระตุ้นไม่พอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมาถึงจุดเข้มข้นขึ้น โดยการที่สหรัฐฯ เพิ่มการเก็บภาษีร้อยละ 10 กับสินค้าจีนล็อตใหม่มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ที่เริ่มในวันที่ 1 กันยายน 2562 นี้ จะกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตจีนยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น คิดเป็นมูลค่าผลกระทบ 2,400 ล้านดอลลาร์ ในปี 2562 (เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ 2,100 ล้านดอลลาร์ ในกรณีที่สหรัฐฯ ยุติการเก็บภาษีสินค้าจีนไว้ที่ 2.5 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งมีมูลค่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับการอ่อนแรงของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งผลกดดันการส่งออกของไทยในภาพรวมเวลานี้

อย่างไรก็ตาม การยกระดับของสงครามการค้าจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น คงต้องติดตามกันในปี 2563 ซึ่งอาจจะได้เห็นปลายทางของสงครามการค้าที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี แต่สงครามจิตวิทยาของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนและนานาชาติคงไม่จบโดยง่าย โดยสหรัฐฯ อาจพุ่งเป้าไปที่ประเทศอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวโยงทางธุรกิจกับจีน และมีผลทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบทางธุรกิจ ทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกในปี 2563 จึงยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และพร้อมจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลาภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อันส่งผลต่อภาพรวมให้ไม่สดใสเท่าที่ควร ประกอบกับปัจจัยอ่อนไหวที่เป็นผลสืบเนื่องจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ได้ส่งผ่านปมความขัดแย้งทางเทคโนโลยีมายังความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น เยอรมนีกับจีน ตลอดจนความเปราะบางภายในภูมิภาคยุโรปที่มาจากผลพวงของ BREXIT สิ่งเหล่านี้อาจฉุดรั้งให้บรรยากาศทางธุรกิจในปี 2563 ยังคงภาพอึมครึมจนมาถึงจุดต่ำสุด และจะคลี่คลายดีขึ้นในปี 2564 หากสหรัฐฯ เปลี่ยนโฉมหน้ารัฐบาลใหม่

ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) ระบุจากความเสี่ยงสงครามการค้ากลับมารุนแรงขึ้น จึงคาดผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนมีค่อนข้างมาก และหากแรงกระตุ้นจากภาครัฐไทยมีไม่มากและเร็วพอ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวต่ำกว่า 3%

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลักเตรียมผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม โดยอีไอซียังคงมุมมองว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 bps ในปีนี้ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อีไอซีคาด กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายทั้งปี 2562 ที่ 1.75% แต่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทำให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในช่วงปลายปีมีมากขึ้น ส่วนโอกาสเกิด J-curve ในเดือนสิงหาคมยังมีค่อนข้างน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น