ซันเคียว โฮม จับมือยักษ์อสังหาฯ ญี่ปุ่น “เคฮัง เรียลเอสเตท” รุกตลาดคอนโดฯ ไทยโครงการที่ 2 ภายใต้แบรนด์ “ซิมมิส สุขุมวิท 61” 109 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปียอดขายทะลุ 1,600 ล้านบาท
นางโสภิดา โองาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันเคียว โฮม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ตนได้แต่งงานกับผู้ก่อตั้งบริษัท ซันเคียว โฮม ประเทศญี่ปุ่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแถบคันไซ ประเทศญี่ปุ่น และใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นมาเกือบ 30 ปี จึงทำให้ได้เห็นมาตรฐานและโนว์ฮาวของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสไตล์ญี่ปุ่นหลายเรื่อง จึงได้ก่อตั้ง บริษัท ซันเคียว โฮม (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2558 โดยใช้โนว์ฮาวจากซันเคียว โฮม ประเทศญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการ
ที่ผ่านมา พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการโมนีค สุขุมวิท 64 มูลค่าโครงการ 954 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขายและรับรู้รายได้ 100% และ 2.โครงการร่วมทุนโครงการแรกกับบริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเคฮัง กรุ๊ป เป็นเจ้าของรถไฟฟ้าสายเคฮังเชื่อมโยงโอซากา-เกียวโต และอีกหลากหลายธุรกิจในแถบคันไซ โดยโครงการภายใต้ชื่อ เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย มูลค่าโครงการประมาณ 1,680 ล้านบาท เปิดขายเมื่อกลางปี 2561 ปัจจุบันสร้างยอกขายได้แล้ว 80%
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทเคฮังฯ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการที่ 3 โดยใช้ชื่อโครงการซิมมิส สุขุมวิท 61 (SYMYS Sukhumvit 61) ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 1-1-53 ไร่ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Timeless Identity in Symmetry ประกอบด้วยอาคารสูง 7 ชั้น 1 อาคาร ยูนิตพักอาศัยแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาด 33-88 ตร.ม. จำนวน 109 ยูนิต มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น สำหรับที่จอดรถระบบ Auto Parking แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นกว่า 120 ช่องจอด หรือราว 113% ของจำนวนยูนิตพักอาศัย ราคาเฉลี่ย 220,000-240,000 บาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 7.5-24 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท โดยบริษัทจะเปิดพรีเซลในวันที่ 3-4 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00-19.00 น. ที่สำนักงานขายบริเวณตรงข้ามซอยทองหล่อ 23 โดยสิ้นปีคาดว่าจะมียอดขายราว 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดและคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2563
ปัจจุบัน โครงการซิมมิสได้รับการอนุมัติรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว และเริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 24 เดือนข้างหน้า หรือในปี 2564 ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2562 จะมียอดขายจากโครงการเดอะ ฟายน์ และโครงการซิมมิส กว่า 1,600 ล้านบาท
ด้าน นายโยชิฮิโกะ มาเอดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน เคฮัง กรุ๊ป ได้ให้ความสำคัญต่อการขยายธุรกิจออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดศักยภาพแถบเอเชีย โดยวางเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์ในต่างประเทศ (Overseas Asset Size) ณ ปี 2570 ที่ 50,000 ล้านเยน (ราว 14,232 ล้านบาท)
สำหรับ เคฮัง กรุ๊ป หรือบริษัท เคฮัง โฮลดิ้งส์ จำกัด ประกอบด้วย บริษัทย่อยกว่า 50 บริษัทในการดำเนิน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจด้านคมนาคม เช่น รถไฟฟ้าสายเคฮัง เชื่อมโยงโอซากา-เกียวโต 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธุรกิจโรงแรมและการพักผ่อน ล่าสุด ปีงบการเงิน 2561 (เม.ย.2561-มี.ค.2562) มีรายได้รวมทั้งเครืออยู่ที่ 3.26 แสนล้านเยน หรือราว 9.3 หมื่นล้านบาท
บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเดินหน้าการลงทุนของ เคฮัง กรุ๊ป ในต่างประเทศ มีมูลค่าการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศทั้งหมดกว่า 3,300 ล้านเยน (ราว 942 ล้านบาท) เช่น โครงการที่อยู่อาศัยในไทยภายใต้การร่วมทุนกับพันธมิตร "ซันเคียว โฮม" และโครงการกอล์ฟวิลล่าในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย
“ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีปัจจัยต่างๆ โดดเด่นมากที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน มีความชอบและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับคนญี่ปุ่น มีการลงทุนสะสมจากบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมหาศาล เราเองยังเป็นพันธมิตรพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพร่วมกับ บริษัท ซันเคียว โฮม ในประเทศญี่ปุ่น มาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจในการร่วมทุนกับซันเคียว โฮม ซึ่งมีโนว์ฮาวและวิสัยทัศน์คล้ายคลึงกัน เพื่อนำจุดเด่นเรื่องความใส่ใจ ความประณีต และมาตรฐานระดับพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่น มาเติมเต็มความฝันและความหวังในการมีที่อยู่อาศัยคุณภาพของคนไทย” นายโยชิฮิโกะ กล่าว