xs
xsm
sm
md
lg

บล.เคทีบีแนะจับตาการเจรจาสหรัฐฯ-จีน คาดหุ้นไทยยืนเหนือ 1,720 จุด ชูหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, ค้าปลีก, โรงพยาบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


KTBST มอง SET ยังยืนเหนือ 1,720 จุด แนะจับตาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ กับจีน และตัวเลข GDP ไตรมาสของสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการประชุม ECB ในการใช้มาตรการ QE แนะกลยุทธ์เน้นหุ้นขนาดใหญ่ และกลุ่มที่ราคาย่อตัวลงมา ประเมินกรอบดัชนี 1,720-1,750 จุด

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (22-26 ก.ค.) คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญหลัก 2 เรื่องที่ตลาดจับตามอง นั่นคือ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ หากประสบความสำเร็จหรือได้ผลในเชิงบวกจะส่งผลถึงเรื่องที่ 2 คือการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงสัปดาห์หน้า (30-31 ก.ค.) มีน้อยลง หรือปรับลดต่ำกว่าที่ตลาดคาด คือลดลง 0.50%

ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ คาดว่าจะออกมาอยู่ที่ 1.8% จากช่วงก่อนหน้าที่ระดับ 3.1% ซึ่งประเมินว่า Fed จะใช้ตัวเลข GDP ประกอบการพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการประชุมนโยบายดอกเบี้ยในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และมีแนวโน้มที่ ECB จะเริ่มพูดถึงเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (QE) ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดเช่นกัน ส่วนปัจจัยอื่นของสัปดาห์นี้คือเรื่องราคาน้ำมันดิบ ที่ยังได้แรงหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ส่วนปัจจัยในประเทศ ที่น่าสนใจคือการรายงานกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เหลือ และรายงานตัวเลขการส่งออกเดือน มิ.ย.ที่จะประกาศในวันนี้ (22 ก.ค.) และ รมว.คมนาคมเตรียมผลักดันนโยบาย เตรียมหั่นค่าโดยสารขนส่งสาธารณะทุกระบบ อาจเป็นลบต่อผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST ประเมินว่าดัชนีฯ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางบวก และสามารถยืนเหนือระดับ 1,720 จุดได้ ซึ่งประเมินดัชนีฯ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,720-1,750 จุด หากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนผ่านไปด้วยดีจะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ

ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับการปรับอันดับเครดิตขึ้นอย่างโรงไฟฟ้า, ค้าปลีก, โทรศัพท์ รวมไปถึงหุ้นที่ราคาอ่อนตัวลงมามาก เช่น โรงพยาบาล และกลุ่มรับเหมาฯ และหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่างบการเงินไตรมาส 2 จะออกมาดี โดยหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ SCB , SAWAD, BDMS, PTG , ADVANC, TRUE, RATCH


กำลังโหลดความคิดเห็น