ตลท.ร่วมกับพันธมิตรจัด SET Social Impact Day 2019 หวังใช้ตลาดทุนแก้ปัญหาสังคม-สิ่งแวดล้อม
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นประธานเปิดงาน SET Social Impact Day 2019 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด โครงการพอแล้วดี รวมทั้งองค์กรภาคธุรกิจและภาคสังคม เพื่อเป็นเวทีสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมให้เกิดพลังและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมออกแบบการทำงานร่วมกันและเดินหน้าแก้ไขปัญหาสังคม สร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายภากรกล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืนหากการเติบโตดังกล่าวอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น กระบวนการผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนในมิติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้าเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ นอกเหนือจากการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ทุกภาคส่วนสามารถร่วมสร้างโมเดลที่เป็นนวัตกรรม โดยออกแบบความร่วมมือ ขยายมิติของพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรมและเติบโตไปพร้อมกัน
สำหรับปีนี้มุ่งขยายผลจากทุกปีที่ผ่านมาที่เดิมเน้นสร้าง SET Social Impact Platform ให้ทำหน้าที่เป็น Impact Multiplier เชื่อมตลาดทุนและภาคธุรกิจให้ทำงานร่วมกับภาคสังคมเพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน สู่การเป็นแพลตฟอร์มให้มีกลไกเพิ่มพลังตัวคูณการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมใน 2 มิติ คือ ขยายพันธมิตรและขยายพื้นที่ โดยมิติด้านการขยายพันธมิตร ใช้กลยุทธ์ 4E ได้แก่ 1. Entertainment การขยายพันธมิตรสู่ภาคศิลปินในฐานะผู้มีอิทธิพลและมีบทบาทต่อผู้บริโภค เพื่อผลักดันการบริโภคอย่างยั่งยืน 2. Expert การขยายจำนวนพันธมิตรตลาดทุนและผู้ทรงคุณวุฒิจิตอาสาที่ร่วมอุทิศความรู้ความสามารถ เพื่อสร้างนักธุรกิจเพื่อสังคมรุ่นใหม่ให้เข้มแข็งและขับเคลื่อนธุรกิจยุคหน้าได้ 3. Education ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาขยายความรู้และแรงบันดาลใจเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสังคม และ 4. Exchange Information การขยายความจริงเกี่ยวกับปัญหาสังคมร่วมกับ Media Platform สื่อมวลชนที่นำเสนอเรื่องความยั่งยืน และมิติด้านการขยายพื้นที่ ได้แก่ การสร้างตัวคูณการทำงานร่วมกันในท้องถิ่น ขับเคลื่อนความยั่งยืนโดยใช้พลังของภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา และภาคสังคมในจังหวัดต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ตลท. “To Make the Capital Market “Work” for Everyone” ที่มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้อง
นายเจษฎาภรณ์ ผลดี ศิลปินและพิธีกร กล่าวบนเวทีภายใต้หัวข้อ “เสียงเรียกร้องจากป่าสู่เมือง” โดยระบุว่า ป่าและธรรมชาติกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ขณะที่ชุมชนเมืองเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการรุกทำลายป่า เผาป่า ตัดถนนหนทางและสร้างที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ จึงอยากให้ทุกคนและองค์กรเรียนรู้รักษ์ป่าและธรรมชาติปลูกฝังให้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน พร้อมสร้างความเท่าเทียม โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการ เข้าถึงธรรมชาติอย่างเท่าเทียมกับคนปกติ