xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,720-1,750 จุด จับตามาตรการชะลอบาทแข็งค่าของแบงก์ชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


KTBST มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,720-1,750 จุด จับตามาตรการชะลอบาทแข็งค่าของแบงก์ชาติจะมีผลให้การเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินลดลง และจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ตลาดหุ้นอาจจะผันผวนในช่วง 2-3 วัน

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (15-19 ก.ค.) มีแนวโน้มผันผวนในกรอบดัชนี 1,720-1,750 จุด โดยมีประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจคือ มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค.) คาดว่าจะมีผลให้การเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินลดลง และจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ตลาดหุ้นอาจจะผันผวนในช่วง 2-3 วัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังอยู่ในตลาดหุ้น จึงมีผลลบต่อตลาดหุ้นไม่มาก แต่จะลดลงในส่วนของตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทิศทางของค่าเงินบาท หากอ่อนตัวลงทะลุ 31.10 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 30.93 บาท/ดอลลาร์ จะเป็นตัวเร่งให้มีการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินได้เช่นกัน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ คือ โอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือน ก.ค.นี้ ที่ยังมีโอกาสสูง ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุม 25 ก.ค.ด้วยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวจึงน่าจะส่งผลให้เงินลงทุนยังคงไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน

อีกประเด็นที่นักลงทุนจะติดตามในสัปดาห์นี้คือ เรื่องผลกระทบของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวปี 2561-2580 (PDP2018) ซึ่งเป็นแผนหลักในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่า 51% ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 และการรายงานกำไรหุ้นธนาคารในไตรมาส 2 ซึ่ง KTBST ประเมินว่าธนาคาร 9 แห่งจะมีกำไรลดลง 6% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน ซึ่งหากกำไรต่ำกว่าคาดจะเป็นผลลบต่อตลาดเพราะอาจสะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดมีปัจจัยลบคือมาตรการค่าเงิน จะทำให้แรงซื้อหุ้นอาจชะลอลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้า, การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก จะหนุนดัชนีฯ ขึ้นไปต่อได้ ดังนั้น การลงทุนควรเน้นการรอจังหวะเข้าลงทุน หลีกเลี่ยงหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อเข้าไปมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูล NVDR Trading) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไร เช่น CPALL, AOT, SCC, ADVANC, KBANK, BDMS, LH, INTUCH และ PTT ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ ได้แก่ PTTEP, PTTGC, ORI, KCE, RATCH , EA และ PTG


กำลังโหลดความคิดเห็น