xs
xsm
sm
md
lg

บาทอ่อนค่าหลัง ธปท.ออกมาตรการ กสิกรฯ ชี้ยังเผชิญหลากปัจจัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์วิจ้ยกสิกรไทย ชี้มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทของแบงก์ชาติ ถือเป็นการลดช่องทางพักเงิน ชะลอการแข็งค่าของเงินบาท แต่ในระยะต่อไปยังต้องติดตามผลในสภาวะที่ตลาดเงินยังต้องเผชิญต่อปัจจัยที่หลากหลายในอนาคต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทได้กลับมาอ่อนค่าที่ระดับ 30.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 30.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศ "มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท" ทั้งในส่วนของบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (NR) และการยกระดับความเข้มงวดในการรายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2562 หลังจากที่ได้มีการส่งสัญญาณ ท่าทีที่เป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในลักษณะที่ไม่สอดคล้องต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงก่อนหน้านี้

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ธปท. ประกาศมาตรการข้างต้นออกมา น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมรับมือต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่อาจจะมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณที่สะท้อนโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุม FOMC ในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.2562 นี้เป็นอย่างเร็ว

รวมทั้งยังเป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ของ ธปท. ที่ต้องการเลือกใช้มาตรการที่มุ่งเป้าหมายเฉพาะจุดเพื่อวัตถุประสงค์ในการสกัดเงินระยะสั้นอีกครั้ง เนื่องจากการลดยอดคงค้าง ณ สิ้นวันในบัญชีเงินฝากในรูปเงินบาทของ NR เสมือนเป็นการลดช่องทางการพักเงินของนักลงทุนต่างชาติ และเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องต่อการลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท. ก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะช่วยสกัดเงินที่เข้ามาเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบไปยังภาพรวมการเคลื่อนย้ายเงินทุนในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องต่อการค้า- การลงทุนของประเทศมากนัก ขณะที่การยกระดับความเข้มงวดในการรายงานชื่อผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงในการถือครองตราสารหนี้ น่าจะช่วยทำให้ ธปท. สามารถติดตามพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเฉพาะรายในตลาดตราสารหนี้ไทยได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

สำหรับในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แนวโน้มตลาดการเงินไทย ยังอาจต้องเผชิญต่อหลายบททดสอบในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะผลพวงจากความไม่แน่นอนของทิศทางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า รวมถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่ง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในเชิงที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมดังกล่าว อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น แม้เงินบาทอาจจะกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าลงหลังการประกาศมาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในครั้งนี้ แต่อาจต้องใช้เวลาอีกระยะเพื่อติดตามประสิทธิผลของมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงที่เงินดอลลาร์ฯ กลับมาอ่อนค่าลงจากประเด็นเรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ยังคงเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าไทยในช่วงหลังจากนี้ และหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับที่ผิดปกติ คาดว่า ธปท. ก็อาจจะกลับมาประเมินความจำเป็นของการปรับใช้มาตรการ เครื่องมืออื่นเพิ่มเติมอีกในระยะต่อๆ ไป ซึ่งคงต้องยอมรับว่าแต่ละเครื่องมือต่างก็มีเงื่อนไขและผลกระทบต่อตลาดในระดับที่แตกต่างกัน ได้แก่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การแทรกแซงค่าเงินบาทให้กลับไปอ่อนค่า การเก็บภาษีเพื่อสกัดปริมาณเงินทุนไหลเข้า และมาตรการดำรงเงินสำรองนำเข้าระยะสั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น