กรมศุลกากร เผย มูลค่าเฉลี่ยของการลักลอบนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมเดือน มิ.ย. 62 เพิ่มขึ้นถึง 42.9 ล้านบาท หรือพุ่งขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบจากปีก่อนที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อเดือน โดยเกิดจากเงินบาทแข็งค่าจนทำให้ผู้ลักลอบกำไร และปัจจุบันได้ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัยไว้แล้วราว 100 รายชื่อ
นายชัยยุทธ คำคูณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แถลงผลการจับกุมการลักลอบนำเข้าสินค้าแบรนดํเนมในเดือน มิ.ย. 62 ว่า มูลค่าของกลางจะมีทั้งสิ้น 42.94 ล้านบาท โดยเป็นการจับกุมการนำเข้าสินค้าแบนรด์เนมทั้งที่เป็นาฬิกาหรือกระเป๋ารวมทั้งสิ้น 45 คดี ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมามูลค่าเฉลี่ยการจับกุมการนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมผิดกฎหมายจะอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าสินค้าฯ ที่มากขึ้นนั้น เป็นผลมาจากผู้ลักลอบนำเข้าสามารถทำกำไรได้มากขึ้นเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่าน เช่น นาฬิกาหรูแบรนด์ ปาเต๊ะฟิลิป ซึ่งมีราคาเรือนละ 8 แสนบาท แต่หากนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 5 % บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 % รวมเป็น 12 % ซึ่งจะทำให้มีเนื้อภาษีรวมกันเกือบหนึ่งแสนบาทนั้น จะทำให้ผู้ลักลอบนำเข้าสามารถทำได้กำไรราว 1 แสนบาทต่อเรือน
นายธีรยุทธ ยังย้ำว่า การลักลอบนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมในปัจจุบันจะนิยมทำเป็นขบวนการมากกว่าที่จะดำเนินการเพียงคนเดียวเช่นในอดึต โดยมีคนที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับสินค้า และเมื่อเดินทางกลับเข้ามาถึงสนามบินในประเทศแล้วจะมีอีกคนหนึ่งมารอรับสินค้่า โดยปัจจุบันกรมศุลการกรได้ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัยไว้แล้วราว 100 รายชื่อ
ทั้งนี้ การตรวจจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมดังกล่าวนั้น ดังกล่าว กรมศุลกากรต้องดำเนินการอย่างรัดกุม เนื่องจากบางกรณีผู้ลักลอบนำเข้าโดยการสวมใส่สินค้านั้นๆ เข้ามาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องตรวจสอบรายละเอียดสินค้าต่างๆ เช่น มีกล่องบรรจุนาฬิกาติดตัวมาหรือไม่ หรือมีใบรับรองหรือไม่ จนทำให้ผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมต้องใช้วิธีแยกกล่องใส่นาฬิกาออกจากตัวนาฬิกาก่อนส่งเข้ามาในประเทศ
ทั้งนี้ หากการจับกุมการลักลอบนำเข้าสินค้าแบนด์เนมที่ผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเกิดขึ้นในเขตช่องศุลกากรแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการยึดสินค้านั้นๆ ไว้ แต่หากเป็นการจับกุมได้ภายนอกเขตฯ หรือผ่านด่านศุลกากรออกไปได้แล้ว ผู้ลักลอกนำเข้าจะถูกปรับเป็นมูลค่า 2 เท่าของมูลค่าภาษีและภาษี
นอกจากนี้ นายชัยยุทธ ยังกล่าวถึงภาพรวมการตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องของกรมศุลกากรเดือน มิ.ย. 62 จะมีทั้งสิ้น 1,798 แฟ้มคดี รวมมูลค่าของกลาง 514.29 ล้านบาท โดยแยกเป็นคดีลักลอบ 451 คดี ซึ่งมีมูลค่าของกลางอยู่ที่ 73.45 ล้านบาท คดีหลีกเลี่ยงอากร 1,233 คดี มูลค่าสินค้า 200.59 ล้านบาท และคดีสินค้าต้องห้าม 114 คดี มูลค่าของกลางประมาณ 240.25 ล้านบาท โดยลักลอกนำเข้าสินค้าแบ่งเป็นสินค้าแบรนด์เนม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์จากจีนและเกาหลี รวมถึงการจับกุมผู้กระทำความผิดฐานหลีกเลี่ยงอากร หรือสำแดงราคาไม่ตรงกับความเป็นจริงในกรณีการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น