ไทยพาณิชย์รอรับทรัพย์เกือบแสนล. โบรกฯคาดขายบ.ประกันชีวิตกำไรอื้อ

ไทยพาณิชย์ปิดดีลขายทิ้งบ.ประกันชีวิต เกลี้ยงพอร์ตให้กลุ่มFWDมูลค่า 9.27 หมื่นล้าน คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พร้อมรับรู้รายได้ ยืนยันเป็นผลดีต่อธนาคารฯ เหตุรายได้จากค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้น SCBเด้งรับปรับขึ้น 1.50 บาท รับอานิสงส์รายได้เพิ่ม โบรกคาดหากเสร็จสิ้นกระบวนการ อาจมีกำไรถึง 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลดีต่อราคาหุ้น

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประะานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้แจ้งรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ธนาคารได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นซึ่งมีผลผูกพันเพื่อการขายหุ้นที่ธนาคารถืออยู่ทั้งหมดใน บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต หรือ SCB Life ให้แก่กลุ่มเอฟดับบลิวดี เป็นจำนวน 65.79 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 99.2% มูลค่า 9.27 หมื่นล้านบาท พร้อมกับความร่วมมือทางพันธมิตรในการจัดจำหน่ายสินค้าประกันชีวิตผ่านธนาคารเป็นเวลา 15 ปี

ทั้งนี้ การซื้อขายดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้จากการขายบมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตภายในสิ้นปีนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคาร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของแต่ละส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกค้าของ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จะไม่ได้รับผลกระทบจากการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์ ความคุ้มครอง รวมถึงบริการต่างๆ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันชีวิตทุกประการ สำหรับในปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 4.49 แสนล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 3.2 ล้านล้านบาท โดยมีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งการร่วมผนึกกำลังครั้งนี้จะสามารถเข้าถึงการให้บริการประกันชีวิตให้กับลูกค้าของธนาคารที่ในปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้ารวมกว่า 16 ล้านราย

"รายได้จากไทยพาณิชย์ประกันชีวิตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากผลการดำเนินงานส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมการขาย โดยเชื่อมั่นว่าการขายหุ้นในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ธนาคารมากขึ้นจากเดิม ถึงแม้ว่าจะต้องเสียรายได้จากผลการดำเนินงานของบมจ.ไทยพาณิชย์ไป แต่จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายสินค้าประกันชีวิตเข้ามามากขึ้นเพราะที่่ผ่านมาสัดส่วนรายได้ของผลการดำเนินงานก็ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมที่ได้รับอยู่แล้ว และเชื่อว่าเอฟดับบลิวดีจะสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากกว่า"นายอาทิตย์กล่าว

ด้าน นายฮวิน ทัน ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มเอฟดับบลิวดี กล่าวว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศไทยที่มีประสบการณ์และความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เรามุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย เรามั่นใจในความสามารถด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงการเข้าใจความต้องการของลูกค้าในไทยอย่างแท้จริง ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ กลุ่มเอฟดับบลิวดีและธนาคารไทยพาณิชย์จะนำศักยภาพชั้นนำด้านประกันชีวิตและด้านดิจิทัลมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของลูกค้า”

“เรามีประสบการณ์ด้านการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในภูมิภาค รวมถึงการสร้างพันธมิตรเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคารที่มีประสิทธิผล ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตชั้นนำของเอฟดับบลิวดี โดยเรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของลูกค้า ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้มาก และเรามุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง”นายฮวินกล่าว

**โบรกฯคาดฟันกำไรจาการขาย 4 หมื่นล้าน**
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SCB หรือ บมจ.ธ.ไทยพาณิชย์วานนี้ ภายหลังทาง SCB แจ้งวันนี้ (1ก.ค.62) ได้เข้าทำสัญญาขายหุ้นที่มีผลผูกพันกับ FWD Group Financial Services Pte.Ltd.(เอฟดับบลิวดี)ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (SCB Life) โดยราคาหุ้นปิดตลาดอยู่ที่ 141 บาท บวก 1.50 บาท หรือ + 1.08 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.99 พันล้านบาท

นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปัจจัยพื้นฐาน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดีลดังกล่าวมีมูลค่าราว 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 9 หมื่นลบ. ซึ่งคาดว่าจะทำให้ SCB มีกำไรราว 4 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มเท่าตัวจากดีลดังกล่าว

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์มองว่าหาก SCB บันทึกกำไรทั้งก้อนจะส่งผลต่อราคาหุ้น SCB เพิ่มขึ้น ราว 5-15 บาท จากราคาเป้าหมายที่ทาง บล.เคทีบี(ประเทศไทยประเมินไว้เดิมที่ราว 145-150 บาท/หุ้น)