xs
xsm
sm
md
lg

ติดตามหนี้จุดแกร่งของ KTC

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แน่นอนว่า หลังจากมีการปล่อยสินเชื่อแล้ว ผู้ให้กู้มีหน้าที่อันสำคัญคือการติดตามทางหนี้ หากเมื่อครบกำหนดสัญญาแล้ว ลูกหนี้รายนั้นๆ เงียบหาย และบริษัทติดตามทวงหนี้ ก็มีบทบาทสำคัญและ KTC เองก็มีการติดตามทวงหนี้ที่ดีเยี่ยม
นายพรเลิศ เบญจกุล “กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการติดตามหนี้และด้านกฎหมายให้กับเคทีซีได้กล่าวว่า ในปัจจุบันรูปแบบของการติดตามหนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่ละองค์กรมีการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการบริหารงาน ทั้งกระบวนการติดตามหนี้และด้านเทคโนโลยี ซึ่งแนวคิดด้านการบริหารงานของบริษัทสำหรับกลุ่มลูกหนี้นาโน-พิโก ไฟแนนซ์ ที่เป็นฐานลูกค้าคนละกลุ่มกับบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลนั้น
หากได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ บริษัทคิดว่าคงใช้แนวทางเดิมเป็นหลัก และจะเน้นเรื่องของข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกหนี้ ที่ผ่านมาเราระวังและคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการชำระหนี้ของลูกหนี้ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการติดตามหนี้ เช่น พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอก
อีกส่วนคือการดำเนินงานภายใน บริษัทได้เน้นไปที่ความรวดเร็วในการติดตามหนี้ และการเข้าถึงลูกหนี้เป็นที่แรกๆ เพราะลูกหนี้นาโน-พิโก ไฟแนนซ์ คงไม่ได้เป็นหนี้อยู่ที่เดียวแน่นอน รวมถึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลลูกหนี้ เพราะข้อมูลคือความได้เปรียบเสียเปรียบในการทำธุรกิจในยุคนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทต่างๆ ที่จะให้ความสำคัญหรือไม่ แต่สำหรับ วินเพอร์ฟอร์มานซ์ เพื่อจะได้เห็นตัวตนและพฤติกรรมของลูกหนี้หรือกลุ่มของลูกหนี้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำผลที่ได้ไปกำหนดแนวทางในการบริหาร และการพัฒนาระบบด้านเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการติดตามหนี้
ทั้งนี้ ยกตัวอย่างข้อมูลจากการสำรวจ เช่น กลุ่มลูกหนี้ในปัจจุบันเป็นกลุ่มคนทำงานบริษัทที่ต้องรอเงินเดือนเป็นส่วนใหญ่ในการชำระหนี้ ไม่มีอาชีพเสริมหรืออาชีพรอง เราจะติดตามหนี้อย่างไร หากเกิดอะไรขึ้นกับคนกลุ่มนี้ จากหนี้ที่ดีจะกลายเป็นหนี้เสีย และมีการค้างชำระหนี้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 35% และจะมีกลุ่มคนอีกประเภทที่ไม่ค่อยสนใจ ละเลย ไม่มีวินัยในการชำระหนี้ มีอยู่ประมาณ 34% จะทำอย่างไร ซึ่งทั้งสองกลุ่มยังไม่ถือว่ามีความเสี่ยงเท่าใดนัก
“แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจริงๆ มาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัวติดวัตถุนิยมหรือมีพฤติกรรมหมุนหนี้ คือ กู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ที่หนึ่งไปชำระคืนให้แหล่งเงินกู้เดิม สุดท้ายอาจมาจากความยากจนจริงๆ ไม่มีงานทำ ตกงาน จึงไม่มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้”
ดังนั้น เมื่อทราบข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของลูกหนี้ ก็ต้องนำมาปรับปรุงกระบวนการติดตามหนี้ ซึ่งในปัจจุบัน วินเพอร์ฟอร์มานซ์ เน้นการติดตามหนี้แบบ Virtual Collector เพื่อความรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถเจาะกลุ่มลูกหนี้ในการติดตามหนี้ได้ดีกว่าการใช้วิธีปฏิบัติแบบเดิมๆ ซึ่งลูกหนี้ปัจจุบันนี้ ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ หรือไม่สามารถรับสายในที่ทำงานได้
ทั้งนี้ อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่ภาครัฐได้บังคับ และให้ถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ได้แก่ พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 ซึ่งปัจจุบันทุกองค์กรมีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวอยู่แล้ว แต่วินเพอร์ฟอร์มานซ์ ต้องคอยตรวจสอบว่าจะมีข้อบังคับหรือประกาศอะไรใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น ล่าสุดมีการประชุมและกำลังจะประกาศเพิ่มเติมเป็นเรื่องที่ให้ผู้ทวงถามหนี้ติดต่อลูกหนี้ หรือบุคคลที่ลูกหนี้ระบุไว้ โดยสามารถโทรได้ไม่เกิน 1 ครั้ง ต่อ 1 วัน และอาจจะมีการลงทะเบียนผู้ทวงถามหนี้ให้ลูกหนี้รับทราบว่าเป็นใครโทรมา เป็นต้น
"สำหรับผู้ที่มาขอสินเชื่อและเริ่มมีภาระหนี้เกิดขึ้น และถูกติดตามหนี้จากผู้ทวงถามหนี้ ขอบอกว่า เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายคืนแน่นอน จะได้มีความสุขไม่ถูกติดตามหนี้ แต่ถ้าไม่สามารถจ่ายคืนได้ คำถามคือ จะทำอย่างไรดี ลำดับแรก อย่าเครียดกับการเป็นหนี้ และขอให้ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอย่างไร โดยทั่วไปบุคคลที่เป็นหนี้ต้องหยุดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หยุดความอยากได้ไม่สร้างหนี้เพิ่มเติม ใช้ของเดิมที่มีอยู่ ใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเท่านั้น ถ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็ให้ลดวงเงิน หรือยกเลิกสินเชื่อที่มีอยู่ คงเหลือไว้เพียงสินเชื่อที่จำเป็นและให้สิทธิประโยชน์แก่ตนเอง” 
ขณะเดียวกัน ในเวลาต่อมาก็ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาเพื่อรักษาประวัติด้านการเงิน หารายได้เพิ่ม อย่าไปกังวลเรื่องหนี้ มองที่เงินที่จะเพิ่มขึ้นจะได้มีความสุข หนี้เป็นปัญหาที่แก้ไขได้แต่ต้องมีการวางแผน เช่น การหาเงินมาปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ การรีไฟแนนซ์ พูดคุยกับเจ้าหนี้ขอประนอมหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีแนวทางที่ต่างกันไป เท่านี้เราก็จะพ้นสภาพความเป็นหนี้ และจะได้กลับมาเป็นลูกค้าที่ดีและมีความสุข"


กำลังโหลดความคิดเห็น