xs
xsm
sm
md
lg

ไขเหตุผลสะสมหุ้นอสังหาฯ หลายบริษัทราคาต่ำแถมปันผลสูง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 องศา - เปิดเหตุเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหา ฯ เหตุราคาถูกหลายบริษัทต่ำกว่า Book Value หลังมาตรการ LTV แบงก์ชาติสร้างผลกระทบเชิงลบต่อนักลงทุน พร้อมยก “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์”  โดดเด่นสุดในกลุ่ม เพราะฐานะการเงินมั่นคง ราคาต่ำ แถมจ่ายปันผลสูง

เหตุผลที่น่าลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้เศรษฐกิจประเทศยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งแนวโน้มของกลุ่มยังถูกกดดันจากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจาก ผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว หลายฝ่ายคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น พร้อมกับคาดการณ์ว่ารัฐบาลใหม่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนเกิดขึ้น และกลุ่มอสังหาฯจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้

ไม่เพียงเท่านี้ ในด้านราคาหุ้นพบว่า จากปลายปี 2561 ที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวลดลงกว่า 20% ขณะเดียวกัน ปัจจุบันมีค่า P/E ต่ำ และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่จะฟื้นตัวทำให้กลุ่มอสังหาฯมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลในระดับสูงเฉลี่ย 6 -7% จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้นทำกำไรจากราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ และโอกาสในการได้รับเงินปันผลในระดับที่สูง แม้มาตรการใหม่ของภาครัฐจะเริ่มส่งผลในช่วงปลายไตรมาส 3/62 หรือไตรมาสสุดท้ายของปี จนทำให้ภาพรวมผลดำเนินงานของกลุ่มในปี 2562 อาจอยู่ในระดับทรงตัวหรือลดลงก็ตาม

โดยนักวิเคราะห์ ประเมินว่า ถ้าต้องการทยอยซื้อรับเงินปันผล ถือว่าช่วงเวลานี้ควรเริ่มเข้าสะสมได้ แต่คงจะยังไม่เห็นผลทันทีทันใด เพราะว่าราคาหุ้นจะไม่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรเน้นถือเพื่อรับเงินปันผล เพราะหุ้นกลุ่มอสังหาฯในลักษณะนี้มีความน่าสนใจหลายตัว หลังพบว่า ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์หลายตัวซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) เนื่องจากความกังวลผลการดำเนินงานของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากมาตรการ LTV จนส่งผลกระทบทางจิตวิทยาให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามาซื้อ-ขายหุ้นในกลุ่มอสังหา ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1/2562 ต่อเนื่องมานั่นทำให้นักวิเคราะห์หลายแห่ง ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ "เท่าตลาด" พร้อมทั้งแนะนำนักลงทุนสามารถเข้าสะสมหุ้นในกลุ่มอสังหาเมื่อราคาอ่อนตัว เนื่องจากราคาที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหนุนให้หุ้นหลายตัวมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง อาทิ SC แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 4.00 บาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผล 6.5%, AP ราคาเหมาะสม 8.80 บาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผล 5% เป็นต้น

ขณะเดียวกัน พบว่า หุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุด คือ บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เนื่องจากบริษัทมีฐานธุรกิจมั่นคงทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และเพื่อเช่า รวมถึงการลงทุนในบริษัทร่วม อย่าง บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO, และบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG ช่วยเสริมรายได้ในรูปแบบส่วนแบ่งกำไรปีละกว่า 3 พันล้านบาท ทำให้ LH มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง นอกจากนี้ยังมีการจ่ายปันผลในอัตราสูงหรือคิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 7.1%

ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันราคาหุ้น LH ยังถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งกลุ่ม ประกอบกับ บริษัทยังได้รับอานิสงส์การปรับพอร์ตของดัชนี MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ด้วยการนำ NVDR เข้าไปร่วมคำนวณ ทำให้ LH เป็นหนึ่งในหุ้น ที่ได้รับเลือกเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ซึ่งจะมีผลให้บรรดากองทุนที่ลงทุนอ้างอิงดัชนีฯ MSCI จะใช้โอกาสนี้ในการไล่เก็บหุ้นเข้าพอร์ต จนทำให้ราคาหุ้น LH ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ พบว่า LH ยังได้รับผลกระทบแบบจำกัด สำหรับกรณีมาตรการ LTV ของธปท.เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการ รายอื่น แม้สินค้าส่วนใหญ่จะราคาเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งตรงตามเกณฑ์ LTV ที่ลูกค้าต้องวางเงินดาวน์ 20% ในส่วนของสัญญาที่ 1-2 และ 30% สำหรับสัญญาที่ 3 ขึ้นไป เนื่องจากฐานลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มระดับบน จึงมีกำลังซื้อสูง






กำลังโหลดความคิดเห็น