"ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี" ชี้รัฐบาลใหม่สาสต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ อีอีซี หนุนตลาดเติบโต ขณะที่เอกชนลุ้นความชัดเจนครม. เผยปีนี้มีกำไร หลังยอดขายดี บริษัทลูก SMART เริ่มปันผลก้อนโต ชำระหนี้คืนแบงก์ กดD/E ลงเหลือ 1 เท่า มั่นใจรายได้ปีนี้สู่ระดับ 2,500 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง ตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีตยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยได้รับแรงอานิสงส์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเข้ามาสานต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่ในด้านภาคเอกชนแล้ว การลงทุนยังรอความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้
สำหรับในปี 2562 บริษัทได้มีการปรับแผนธุรกิจ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรด้านธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้มีค่าขนส่งที่ถูกลง เนื่องจากปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าที่สูงได้ ซึ่งการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้ดีขึ้นจะช่วยในเรื่องขนส่ง โดยเฉพาะจากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในภาคตะวันออก เป็นปัจจัยส่งเสริมต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของบริษัท โดยรูปแบบของการเจรจากับพันธมิตร อาจจะเป็นในรูปแบบของการร่วมทุนได้
ส่วนแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปสเปคพิเศษ ให้สามารถรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน งาน Landscape ได้อย่างหลากหลาย เช่น ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่พิเศษ แผงกั้นคอนกรีต เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการทำกำไร พร้อมปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเน้นการเข้ารับงานภาครัฐ ในส่วนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ งานกรมทางหลวง เป็นต้น
ขณะที่งานเอกชน จะมุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรม ที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ส่วนของเอกชนทั้งผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มรายย่อยอาจจะชะลอตัว แต่ยังมีกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ยังคงมีการขยายงาน
ซึ่งในทิศทางผลการดำเนินงานในปีนี้ มั่นใจว่าจะพลิกจากขาดทุนในปีที่ผ่านมา มีกำไรในปี 62 โดยเป็นผลมาจากบริษัทลูก บริษัทสมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ปีนี้เริ่มกลับมามีกำไร และมีการปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดย ซีซีพี ถือในสัดส่วน 28.76% รายได้ส่วนนี้จะนำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินที่มีอยู่ประมาณ 800 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า จากสิ้นไตรมาส 1/62 ที่ 1.29 เท่า
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2562 หลังจากที่บริษัทหันไปเน้นการขายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ให้กับงานโครงการภาครัฐมากขึ้น พร้อมกับมีการออกผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ที่เป็นรางน้ำใหม่ออกมา ซึ่งลูกค้ามีความต้องการใช้มากและให้การตอบรับมาเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายพรีคาสท์ของลูกค้า 51 รายแรก ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 400 ล้านบาท เข้าใกล้ยอดขายพรีคาสท์ทั้งปีก่อนที่ทำได้ 650 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการขายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ควบคู่ต่อไปด้วย
สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปัจจุบัน แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready to Mix) 20% และสัดส่วนรายได้จากพรีคาสท์ 80% และมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20% พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปี 2562 ที่ 2,500 ล้านบาท โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทฯจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับ Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท.