สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังวางมาตรการเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดหุ้น โดยพิจารณาทบทวนกฎหมายกำกับหลักทรัพย์ เพื่อให้การบังคับใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอยู่ระหว่างศึกษา จัดตั้งกองทุน เพื่อเยียวยานักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุน
การดูแลนักลงทุนมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนรายย่อยกำลังทยอยหนีออกจากตลาดหุ้น เพราะทนถูกเอาเปรียบไม่ไหว ดันทุรังลงทุนต่อไปมีแต่จะหมดตัว
กว่า 44 ปีของตลาดหุ้น นักลงทุนรายย่อยถูกเอารัดเอาเปรียบตลอด จากการใช้ข้อมูลภายในมาแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง การสร้างพฤติกรรมอำพราง เพื่อปั่นหุ้น และการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกจากบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบต่างๆ
นักลงทุนรายย่อยนับแสนนับล้านคน ตกอยู่ในฐานะผู้ด้อยโอกาส ไม่สามารถไขว่คว้าความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นได้ ตามที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ มีแต่ถูกโกง ถูกปล้นจากกลุ่มคนที่มีความได้เปรียบกว่า
เงินออมที่สะสมไว้ ต้องสูญเสียจากการเล่นหุ้น จนนำไปสู่การตัดสินใจเลิกเล่นหุ้น ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อย ลดฮวบลง สุดท้ายเหลือเพียงประมาณ 30% เศษของมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งตลาด
จากอดีตที่เคยครองสัดส่วนการซื้อขายรายใหญ่ที่สุด มูลค่าซื้อขายรวมประมาณ 70% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งตลาด
มาตรการคุ้มครองนักลงทุนที่ผ่านมา ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่อาจปกป้องนักลงทุนจากการถูกเอาเปรียบในสารพัดรูปแบบได้
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมโกง ถือหุ้นเพียงส่วนน้อย แต่กุมอำนาจการบริหารงานเบ็ดเสร็จ ตั้งเงินเดือนตัวเองสูงๆ จ่ายโบนัสให้กลุ่มตัวเองไม่อั้น ผลาญเงินบริษัทเป็นว่าเล่น ไซฟ่อนทรัพย์สินออกเห็นๆ ปั่นหุ้นกันอย่างโจ๋งครึ่ม แต่ไม่มีหน่วยงานใดปราบปรามให้ราบคาบ
ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่งอยู่ในสภาพตายซาก เพราะถูกฝ่ายบริหารสูบเงินออกจนเกลี้ยง กลายเป็นบริษัทที่มีปัญหาด้านฐานะการเงิน ถูกจับเข้ากลุ่มฟื้นฟู และอยู่ในข่ายอาจถูกตะเพิดออกจากตลาดหุ้น ขณะที่หุ้นถูกพักการซื้อขาย โดยกฎหมายไม่สามารถเล่นงานกลุ่มอาชญากรที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนได้
การที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองนักลงทุน เป็นจุดเปลี่ยนที่ดี เพราะถ้าสามารถบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ อาชญากรรมในตลาดหุ้นคงลดลง และทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจลงทุนมากขึ้น
เพราะ 25 ปีที่ ก.ล.ต. ก่อตั้ง มีการกล่าวโทษผู้กระทำความผิดแล้วนับร้อยคดี โดยเฉพาะคดีปั่นหุ้น แต่แทบไม่มีนักปั่นหุ้นคนใดติดคุก
จำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้นมีประมาณ 1.5 ล้านคน หรือประมาณ 2% ของประชากร 70 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนนักลงทุนต่อประชากรที่น้อยมาก
ประชาชนส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นในแง่ลบ ติดภาพลักษณ์การเป็นบ่อนการพนันที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋นและการโกง จนไม่มีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุน
นักลงทุนรุ่นเก่าๆ นับวันจะสูญหายมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความพยายามขยายฐานนักลงทุนหน้าใหม่ เริ่มประสบปัญหา ทำให้ปริมาณนักลงทุนในตลาดหุ้นแทบจะเหลือเพียงหยิบมือเดียว ปัญหาที่ตามมาคือรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นของบริษัทโบรกเกอร์แทบไม่พอเลี้ยงตัวเอง บริษัทจดทะเบียนใหม่กระจายหุ้นอย่างยากลำบาก
การทบทวนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพขึ้น เพื่อยกระดับมาตรการคุ้มครองผู้ลงทุน เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า ก.ล.ต. ได้ตระหนักถึงการปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อย ไม่มุ่งแต่ปลุกระดมให้ประชาชนแห่เข้ามาลงทุน โดยที่มาตรการคุ้มครองยังด้อยประสิทธิภาพ และนำนักลงทุนมาล้มตายในตลาดหุ้นเหมือน 44 ปีที่ผ่านมา
เมื่อมุ่งมั่นที่จะดูแลคุ้มครองนักลงทุน ก.ล.ต. ต้องสะสางทำความสะอาดตลาดหุ้นอย่างจริงจัง ใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นและเด็ดขาด กวาดล้างอาชญากรในตลาดหุ้นให้หมดสิ้น เพื่อสร้างตลาดหุ้นให้เป็นแหล่งลงทุนที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เรียกความมั่นใจของประชาชนกลับมา
ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่หลงเหลืออยู่น้อยนิด ต้องดูแลไม่ให้ล้มหายตายจากอีก เพราะที่ผ่านมา ถูกปล้นจนหมดตัว เดินออกจากตลาดหุ้นไปแล้วนับแสนๆ คน
ทุกวันนี้แมลงเม่าในตลาดหุ้นแทบสูญพันธุ์หมดแล้ว