xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นแกว่งแคบ ลุ้นตั้งรัฐบาลไทย-เกาะติดสงครามการค้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 0.09 จุด ดัชนีแกว่งแคบ ขณะที่วอลุ่มที่มีเข้ามาค่อนข้างน้อยไม่น่าที่จะเพียงพอผลักดันดัชนีได้มากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตลาดตอบรับปัจจัยบวกในสัปดาห์นี้ไปค่อนข้างมากแล้ว ลุ้นตั้งรัฐบาลไทย และเกาะติดสงครามการค้า

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,653.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.01% มูลค่าการซื้อขาย 36,707.98 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,658.93 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,650.30 จุด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่พยายามที่จะยืนเหนือระดับเส้น 200 วัน ที่ 1,652 จุด ขณะที่วอลุ่มที่มีเข้ามาค่อนข้างน้อยไม่น่าที่จะเพียงพอผลักดันดัชนีได้มากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตลาดตอบรับปัจจัยบวกในสัปดาห์นี้ไปค่อนข้างมากแล้ว ทั้งในส่วนของการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้นหลังมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว หลังจากนี้คงต้องติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล และการนำมาตรการที่เคยหาเสียงมาจัดทำนโยบายต่อไป

นอกจากนี้ตลาดยังตอบรับจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกมาส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับลงมาเคลื่อนไหวระดับ 2.1% ทำให้ตลาดมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกเป็นทิศทางลง และดอกเบี้ยของไทยก็น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้หุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยอย่างลิสซิ่งรถยนต์ มีสัญญาณที่ดี ขณะที่มีเงินไหลเข้าตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค.ตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็เริ่มเห็นการชะลอการซื้อลงเมื่อวานนี้

หลังจากนี้ตลาดคงจะรอดูปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามา โดยปัจจัยภายนอกยังรอดูการเจรจาการค้าหลายๆ ประเทศเพราะจะเป็นความเสี่ยงต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลก และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) อย่างกรณีของเม็กซิโกและสหรัฐ ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้หรือไม่ ส่วนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในการประชุม G20 ปลายเดือน มิ.ย.นี้

ด้านประเภทนักลงทุน สถาบันขายสุทธิ 645.78 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,310.42 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 293.47 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 371.18 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น