ธนาคารโลกเปิดตัวรายงาน"เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: เสริมรากฐานอนาคตให้เข้มแข็ง" นำเสนอโอกาสและความท้าทายในการขยายการพัฒนาดิจิทัลให้เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงประโยชน์ทั้ง ด้านเศรษฐกิจและสังคมจากการใช้เทคโนโลยื
นางบูเทเนีย กูเอมาซิ ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาดิจิทัล ธนาคารโลก กล่าวว่า แม้ว่ามีคนมากมายใช้บริการดิจิทัล รวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเองก็มีการนำดิจิทัลไปใช้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นไปค่อนข้างซ้ำ อุปสรรคในการใช้ระบบดิจิทัลยังเป็นเรื่องข้อจำกัดด้านกฎระเบียบชื้อปังคับและการขาดความเจื่อใจในการดำเนินธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ งานวิจัยใหม่ ๆ จะช่วยให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถก้าวผ่านความท้าทายในการสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลเหล่านี้
รายงานนี้ได้ระบุประเด็นสำคัญ 6 ประการเพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากประแรก คือการขยายการเชื่อมต่อซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจดิจิทัล แม้ว่าประชากรในภูมิภาคนี้เกินกว่าครึ่งสามารถเช้าถึงอินเทอร์เนต แต่ก็ยังสามารถที่จะขยายเพิ่มได้อีก โดยกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางนั้น ประขากรเพียง 2 ใน 5 เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (4G) ได้ ซึ่งหากมีนโยบายที่ช่วยให้ราคาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตถูกลง เพิ่มความเร็ว และมีสัญญาณบอร์ดแบรนด์ที่เชื่อถือได้ในพื้นที่ที่ควรได้รับ ก็จะช่วยให้มีการเข้าถึงอินึในวงกว้างขึ้น ดังนั้น หากภาครัฐและภาคเอกชนสามารถร่วมมือกันได้อย่างแข็งขัน และใช้ระเบียบข้อบังคับเชิงรุกจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่จำเป็น และช่วยสร้างการแข่งขันในภาคโทรคมนาคมอย่างสมบูรณ์
ประการที่2 การเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในทุกภาคส่วนของแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องสร้างกำลังแรงงานที่มีทักษะอย่างต่อเนื่อง ระบบการศึกษาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาความรู้ด้านเทคนิคและการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก ทั้งนี้การปรับตัวและการเรียนรู้ตลอดชีวิตทวีความสำคัญมากกว่าที่เคย รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องไปกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างภูมิภาคอื่นๆของโลก
ประการที่สาม ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ ส่วนใหญ่ยังคงชำระเงินด้วยเงินสดอย่างแพร่หลาย รายงาน Gobal Financial Inclusion (Findex) ของธนาคารโลก พบว่า มีผู้ถือบัญชีเงินเพียง 19 %เท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลในบัญชีผ่านอินเทอร์เน็ต ดังนั้น การใช้กฎระเบียบข้อบังคับที่เข้มแข็งและการใช้ระบบการกำหนดอัตลักษณ์ดิจิทัลที่ทันสมัยสามารถช่วยสร้างสภาพแวลล้อมสำหรับการเงินดิจิทัลได้ ขณะเดียวกัน การทำให้ระบบการชำระเงินของภาครัฐเป็นระบบดิจิทัลในด้านการจ่ายเงินบำนาญ การโอนเงินสด และการจ่ายเงินโครงการด้านสังคมอื่น ๆ จะทำให้เกิดแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและ
สร้างแรงกระเพื่อมในเรื่องนี้ได้
ประกาศที่ 4 รายงานยังเน้นว่าการพัฒนาด้านดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่สามารถพึ่งพาแค่การมีรากฐานเสมือนจริง ภาคลอจิสติกส์ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับภูมิภาคนี้ กรอบกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องลอจิสติกส์ที่ทันสมัยสามารถเพิ่มขีด
ความสามารถในการแข่งขัน ลดค่าใช้จ่ายด้านลอจิสติกส์และปรับปรุงคุณภาพบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปรับระเบียบพิธีการด้านศุลกากรให้ความคล่องตัวมากขึ้นเพื่อให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายลดลง และคาดการณ์เวลาได้ รวมถึงจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจการค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมาก
ประการที่ 5 การรวมตัวของภูมิภาค รวมถึงการประสานกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศในอาเซียนสามารถช่วยผสานประโยชน์ที่จะได้รับจากตลาดดิจิทัลทั้งในส่วนของธุรกิจและลูกค้าได้
และประการสุดท้ายนี้ รายงานนี้นำเสนอว่า ในการจัดลำดับความสำคัญในเรื่องมาตรฐานและกฎระเบียบข้อบังคับที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กระแสข้อมูลระหว่างประเทศ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ข้อมูลส่วนตัว และการปกป้องลูกค้านั้น จะต้องมีการระบุความเสี่ยงและความเปราะบางที่จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลด้วย มาตรการที่เข้มแข็งในประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความเชื่อใจในแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงสร้างความปลอดภัย เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีความยั่งยืน
ด้านนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านดิจิทัลมาตลอดผ่าน Digital Thailand ในกรอบที่เรียกว่า SIGMA ซึ่งประกอบด้วย S:Cyber Security เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากเพื่อการขยายตัวอย่างยั่งยืน ล่าสุดในปีนี้กระทรวงดิจิทัลฯก็จะจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะและจัดอบรมเพื่อให้ความรู้ด้านนี้ด้วย, I:Digital Infrastructure ก็มีแนวทางที่จะทำเรื่องของเน็ต ประชารัฐ การทำ Smart Cities ซึ่งได้เริ่มแล้วในจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และอีก 3 จังหวัดที่เชื่อมต่อ ECC
รวมถึง G:Digital Government โดยมีแนวทางจัดทำ Government Data Center, Big Data Analytics, Government one stop service และ Government Cloud Service เป็นต้น, M:Digital Manpower หรือบุคลากรด้านดิจิทัลที่จะมีแนวโน้มขาดแคลนในระยะอันใกล้นี้ อาทิ ในส่วนของ ECC ก็คาดการณ์ว่าจะต้องการถึง 84,000 คนในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งนอกจากแผนการเพิ่มทักษะระยะยาวแล้ว การเรียนคอร์สสั้นๆอย่างเข้มข้นก็อาจจะช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าวไปได้ และA:DIGITAL Applications ทางกระทรวงดิจิทัลฯอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่อง Digital Park Thailand, Digital ID ซึ่งจะทำให้สามารถขยายการใช้ Digital ในวงกว้างได้โดยจะเริ่มจากธนาคารพาณิชย์ในเร็วๆนี้