"ไซมิส แอสเสทฯ" เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น รองรับแผนขยายโครงการตามหัวเมืองสำคัญ ชูรูปแบบโฮเทล เรสซิเดนท์ คาดผลักดันรายได้ประจำสู่ระดับ 10% ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมเปิดโครงการมิกซ์ยูส "SIAMESE RAMA 9" มูลค่า 10,000 ล้านบาท เผยเอเจนต์จีนเหมาห้องชุดเต็มโควต้า 49% ไปทำแผนขายในต่างประเทศ
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มีบริษัท ฤทธา จำกัด เป็นผู้ถือหุ้น) กล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งเตรียมยื่นแบบแสดงรายการสินทรัพย์ (Filing)ในไตรมาส3/2562 นี้ และคาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน(IPO)เป็นครั้งแรก ภายในครึ่งแรกของปี 2563 โดยเงินที่ระดมทุนได้ จะนำไปขยายตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต หาดใหญ่ และหัวหิน เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาโครงการจจะเน้นในรูปแบบของคอนโดฯที่ขอใบอนุญาตโรงแรม (Licence) ซึ่งผู้ซื้อคอนโดฯต้องให้การยินยอมตั้งแต่เริ่มต้น โดยแต่ละโครงการจะมีการพัฒนาอย่างน้อย 2 อาคาร มูลค่าโครงการละประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563
อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ บริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจให้เช่าในสัดส่วนประมาณ 10% จากรายได้รวม จากปัจจุบันที่มีไม่ถึง 1% โดยบริษัทฯได้เซ็นสัญญากับกลุ่มกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริหารโรงแรมจากจีน นำแบรนด์เข้าบริหารโครงการคอนโดฯที่เปิดเป็นโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯจำนวน 10 แห่ง ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเริ่มจากโครงการบลอสซั่ม คอนโด แอท แฟชั่น บียอนน์ (Blossom Condo @ Fashion Beyond) ด้วยการนำแบรนด์ Q Box เข้ามาบริหาร ได้เริ่มดำเนินการช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยได้จัดโปรโมชันลด 50% ในราคา 800 บาท/คืน ขณะนี้มีอัตราการเข้าพักประมาณ 20-30% คาดว่าภายในปลายเดือนมิถุนายน 2562 นี้จะมีอัตราการเข้าพักที่ 60%
ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ SIAMESE RAMA 9 มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 13 ไร่ ซึ่งเป็นการซื้อที่ดินมาจากเจ้าของเดิม จำนวน 2 แปลงๆแรก ราคา 1.5 แสนบาท/ตารางวา แปลงที่2 ราคา 2.5 แสนบาท/ตารางวา พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) ทั้งอาคารสำนักงาน Retail stores และที่พักอาศัย มีทั้งสิ้น 4 อาคาร มีจำนวนรวมในเบื้องต้นประมาณ 2,101 ยูนิต แบ่งเป็น
อาคาร A สูง 18 ชั้น เป็นคอนโดฯ จำนวน 276 ยูนิต ซึ่งบริษัทฯจะขอใบอนุญาตประกอบการกิจการในรูปแบบโรงแรม โดยเป็นทรัพย์สินของบริษัท , อาคาร B สูง 38 ชั้น (Siamese Tower) จำนวน 1,143 ยูนิต ประกอบด้วยคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัย-ลงทุนปล่อยเช่าเป็นโรงแรม , อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก จะเปิดพรีเซลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 นี้ , อาคาร C สูง 29 ชั้น ( Siamese Residence) จำนวน 561 ยูนิต ประกอบด้วยคอนโดฯ ที่เน้นเพื่อการอยู่อาศัย โดยแยกส่วนคนไทย-ต่างชาติอย่างชัดเจน ,อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกจะเปิดพรีเซลในวันที่ 15 มิถุนายน 2562 นี้ และอาคาร D สูง 2 ชั้น เป็นส่วนของพื้นที่งานระบบทั้งหมด โดยแต่ละยูนิตจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 27 - 205 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.9 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้ายอดขายที่ 70% ในช่วงแรกของการเปิดตัว และส่วนที่เหลือจะเปิดการขายในช่วงการก่อสร้าง และหลังการก่อสร้าง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส2/2565
“ ส่วนของอาคาร C โควต้าต่างชาติ มียอดขายไปหมดแล้ว โดยมีเอเจนต์เข้ามารับซื้อไปทั้งหมด ทั้งนี้ ในการกำหนดราคานั้น หากเอเจนต์บวกราคาที่สูงเกินไป อาจจะเป็นการทำร้ายชาวต่างชาติ ดังนั้น เราจึงให้เอเจนต์ขายราคาเท่ากับลูกค้าคนไทย ถือว่า ได้กำไรที่สมน้ำสมเนื้อ ขณะที่ผู้ซื้อก็มีโอกาสได้ผลตอบแทน หรือ ยิวด์ ทั้งหมดเป็นหลักการขายที่ดี สำหรับในส่วนที่จะเปิดให้บริการเป็นโรงแรมนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการยื่นขอ Licence ในอาคารA และ B ซึ่งอาจจะมีการนำแบรนด์โรงแรมของกลุ่มกรีนแลนด์ เข้ามาบริหาร หรืออาจจะเป็นเชนจากประเทศอื่น ซึ่งขณะนี้มีทั้งจากออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร และญี่ปุ่นเข้ามาเจรจา ”ขจรศิษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้นำแบรนด์โรงแรมของกลุ่มกรีนแลนด์ เข้าไปบริหารในคอนโดฯอีก 2 โครงการ คือ โครงการ Siamese Exclusive Ratchada (ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ รัชดา) ภายใต้แบรนด์ Qube และโครงการ THE COLLECTION (เดอะ คอลเลคชั่น) สุขุมวิท 16 ภายใต้แบรนด์ Primus ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปีนี้
สำหรับโครงการAbove Sukhumvit 39 (อโบฟ สุขุมวิท 39) ซึ่งซื้อโครงการมาจากบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC มูลค่า 850 ล้านบาท และได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงรองรับการเปิดให้บริการโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 270 ห้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกเชนโรงแรมเข้ามาบริหารคาดจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 63
