กสิกรไทยคงเป้าหมายสินเชื่อเติบโตที่ 5-7% มั่นใจหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นภาพรวมกระเตื้องขึ้น จับตาสงครามการค้าลามกระทบวงกว้าง พร้อมเปิดโครงการ KATALYST ดึงสตาร์ทอัพร่วมทีม
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารกสิกรไทยในช่วงไตรมาสแรกยังขยายตัวไม่มากนักเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลที่ธุรกิจยังมีการลงทุนไม่มากนักในช่วงต้นปี ประกอบกับมีการคืนเงินกู้มาบางส่วนด้วย แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยก็จะทำให้เกิดความมั่นใจให้ธุรกิจและความชัดเจนในเรื่องของนโยบายต่างๆ
"ธนาคารเชื่อมั่นว่าหากมีรัฐบาลใหม่แล้วการสานต่อนโยบายต่างๆ รวมถึงการพิจารณาในด้านของของงบประมาณก็น่าจะราบรื่น โครงการขยายใหญ่ก็จะมีความต่อเนื่องชัดเจนทำให้เราไม่ห่วงเรื่องนี้ แต่จะติดตามกรณีของสงครามการค้าที่ค่อนข้างจะมีผลกระทบวงกว้างและมีความเข้มข้นขึ้น แต่ในอีกทางหนึ่งก็อาจจะส่งผลดีหากมีการย้ายฐานการผลิตสินค้าบางประเภทมาที่ไทย แต่ก็คงต้องดูความชัดเจนก่อนว่าสินค้าใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งเรื่องของสงครามการค้าน่าจะยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง"
สำหรับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ต่อการขยายตัวสินเชื่อธนาคารนั้น ขณะนี้ยังมองที่เป้าหมายเดิมที่ 5-7% โดยจะเน้นที่สินเชื่อรายย่อยเป็นหลักในปีนี้ซึ่งได้ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยที่ 9-10% ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทยอยออกมา อย่างล่าสุด ธนาคารได้นำเสนอ ดิจิทัล เลนดิ้งให้กับลูกค้าโดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องยื่นขอมาก่อน ซึ่งก็มีผลตอบรับที่ดี มียอดตอบรับกลับมาประมาณ 10% มียอดปล่อยกู้ไปแล้ว 120 ล้านบาท หรือประมาณ 10,000 ราย ซึ่งในส่วนดิจิทัล เลนดิ้งนั้น ธนาคารตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อที่ 30,000 ล้านบาทในปี 2564
"แม้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่มาก ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น แต่การขยายสินเชื่อรายย่อยของธนาคารนั้น จะเน้นกลุ่มลูกค้าเก่าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว ประกอบกับการนำ แมชชีน เลิร์นนิ่ง และปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อจึงทำให้สินเชื่อมีคุณภาพที่ดี โดยปัจจุบันเอ็นพีแอลรวมของธนาคารอยู่ที่ 3.7%"
**เปิดโครงการKATALYSTหนุนสตาร์ทอัพ**
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวโครงการ KATALYST ที่เปิดให้สตาร์ทอัพที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจขยายธุรกิจและมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกับกลยุทธ์องค์กรของธนาคารร่วมกันสร้างคุณค่าทางธุรกิจ โดยสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการจะได้โอกาสเข้าร่วมทำแคมเปญกับธนาคารที่มีฐานลูกค้ากว่า 14.5 ล้านราย รวมถึงโอกาสในการขยายเงินทุนผ่านบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัลที่มีเงินลงทุน 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในขณะนี้ การขยายฐานธุรกิจต่างประเทศผ่านบริษัท เควิชั่น การทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆจากธนาคารและกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป(KBTG) และรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจาก Baker McKenzie
นางสาวขัตติยากล่าวอีกว่า สิ่งที่เราให้ความสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องการให้เงินทุน แต่ต้องการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ดีๆ และไม่แพงเพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันกลุ่มสตาร์ทอัพเองก็จะได้ลูกค้าได้ตลาดใหม่ๆ ซึ่งโครงการนี้ถึงเป็นร่วมเอาจุดแข็งของทั้งกสิกรฯที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งในประเทศ- AEC+3 และองค์ความรู้ มาผสานกับจุดแข็งของสตาร์ทอัพที่มีแนวใหม่ๆก็ทำให้เรามีนวัตกรรมใหม่ๆที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น