ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มั่นใจสงครามการค้าไม่ทำให้จำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียนลดลง เชื่อผู้ประกอบการไทยปรับตัวรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เชื่อว่า สงครามการค้าจีน-สหรัฐทำให้ทุกคนต้องปรับตัวในสิ่งที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นหนึ่งในทางเลือก ดังนั้น สงครามการค้าที่เกิดขึ้นแม้ส่งผลกระทบ แต่มั่นใจว่า จะไม่ทำให้บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หายไปและมั่นใจว่า ตลอดปีนี้จะมีบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นไปตามสถิติที่ผ่าน ๆ มาคือ แต่ละปีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนประมาณ 15 บริษัท มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท มีการระดมทุนประมาณร้อยละ 25 หรือประมาณปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีบริษัทที่สนใจที่จะเข้ามาจดทะเบียนอีกมาก แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องขาดแคลนที่ปรึกษาทางการเงิน(เอฟเอ) และออดิเตอร์ หากต้องการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ให้มากขึ้นก็ต้องเพิ่มองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเพิ่มจำนวนของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนได้มากขึ้น เช่น เพิ่มจำนวนเอฟเอและออดิเตอร์
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ส่งผลกระทบทั้งจีนและสหรัฐและผลกระทบกระจายออกไปในวงกว้างรวมถึงผู้ประกอบการไทยด้วย แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการไทยเก่งในการปรับตัวรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และครั้งนี้ไม่ใช่วิกฤตการณ์ครั้งแรก ผู้ประกอบการไทยผ่านมาหลายเหตุการณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่บริษัทไทยก็ยังเติบโตและมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีการปรับตัวอย่างดี
“ผมบอกได้ว่า วิกฤตจะไม่หายไป จะมาใหม่ ถี่ขึ้น บ่อยขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ แต่การเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ จะทำให้มีเครื่องมือ มีทุน มีคนพร้อมปรับตัวรับกับวิกฤตที่เกิดขึ้นได้” นายประพันธ์ กล่าว