วิกฤตหุ้นใหม่ถูกหยิบยกมาถกกันอีกครั้ง หลังจากปีนี้หุ้นใหม่สร้างความเสียหายซ้ำรอยปี 2561 จนนักลงทุนร่วมกันสร้างมาตรการต่อต้านทางสังคม พร้อมใจไม่จองซื้อ ทำให้หุ้นบริษัท อรินสิริแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN ต้องพับแผนเข้าจดทะเบียน เพราะหุ้นเหลือขายบานเบอะ
ความตกต่ำของหุ้นใหม่ ถูกเหมารวมๆ ว่า เกิดจากภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย หุ้นใหม่ประกอบธุรกิจที่ไม่น่าสนใจ
และประเด็นที่พูดถึงมากที่สุดคือ การกำหนดราคาที่สูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน ไม่เปิดช่องให้คนจองซื้อทำกำไร
ไม่เคยมีใครหยิบยกประเด็นมาร์เก็ตเมกเกอร์ หรือผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น เป็นหนึ่งในปัญหาของหุ้นใหม่
เพิ่งจะมีคนในธุรกิจวาณิชธนกิจ นำประเด็น มาร์เก็ตเมกเกอร์ มาเป็นหนึ่งในสาเหตุความตกต่ำของหุ้นใหม่
คนในแวดวงธุรกิจวาณิชธนกิจรายนี้น่าจะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินสาย "สีเทา" หรือสาย "สีดำ" ซึ่งไม่ได้ยึดมั่นในจริยธรรมทางวิชาชีพมากนัก แต่มุ่งตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว และอาจเป็นที่ปรึกษาการเงินที่แต่งตัวหุ้นเน่าเข้าตลาดมาหลายตัวแล้วก็ได้
วาณิชธนกรที่ไม่เปิดเผยตัวรายนี้อ้างว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้มงวดในการกำกับดูแลการกระจายหุ้น ทำให้มาร์เก็ตเมกเกอร์ ไม่สามารถทำหน้าที่ดูแลหุ้นใหม่ได้เต็มที่ จนราคาหลุดจองกันเป็นแถว
พูดง่ายๆ คือ การที่ ก.ล.ต. เข้มงวดในการตรวจสอบพฤติกรรมหุ้นใหม่ ทำให้การทำราคาหุ้นเป็นไปได้ยากขึ้น
ไม่รู้ว่า วาณิชธรกรรายนี้สังกัดที่ไหน เป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาการเงินแห่งใด เพราะถ้ารู้ชื่อ รู้ต้นสังกัด ก.ล.ต. คงต้องจับตาพฤติกรรมเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่น่าจะเป็นวาณิชธนกรที่ดี
ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมีมาร์เก็ตเมกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นใหม่หรือหุ้นเก่า เพราะการซื้อขายหุ้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงต้องไปตามความต้องการซื้อและขาย และตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ
การปล่อยให้มีมาร์เก็ตเมกเกอร์ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า มาร์เก็ตเมกเกอร์จะไม่กลายร่างเป็นนักปั่นหุ้นเสียเอง
ในอดีตมาตรการกำกับดูแลหุ้นใหม่อาจหย่อนยาน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ จึงอำนวยความสะดวกให้หุ้นใหม่เต็มที่ จนเปิดช่องให้เกิดการสร้างราคาหุ้นใหม่
เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนกระจายหุ้น โดยนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เพื่อควบคุมปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดไม่ให้มากเกินไป ทำให้สร้างราคาหุ้นได้ง่าย
เมื่อเข้ามาซื้อขายวันแรก จะมีเจ้ามือหรือนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาจุดพลุไล่ราคา จนราคาพุ่งสูงกว่าจองเต็มเพดาน 200% เป็นว่าเล่น แต่หลังจากนั้น เจ้ามือหรือนักลงทุนรายใหญ่จะทยอยขายทำกำไร
ปัจจุบัน หุ้นใหม่ที่ประเดิมซื้อขายวันแรกสูงกว่าจอง 200% หรือกว่า 100% หลายตัวราคาต่ำกว่าจองแล้ว โดยนักลงทุนที่ตามแห่เก็งกำไรหลังเข้าตลาด ขาดทุนกันย่อยยับ
ปัญหาหลักของหุ้นใหม่ เกิดจากการกำหนดราคาที่แพงเกินไปเพียงประการเดียว แต่ผู้บริหารหุ้นใหม่หรือบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินมักจะจับแพะมารับบาป อ้างว่าภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำเป็นสาเหตุ ทั้งที่ปีนี้ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 4% ซึ่งถือว่าภาวะตลาดเอื้ออำนวยพอสมควร
แต่หุ้นใหม่ 7 บริษัท กลับหลุดจอง 6 บริษัท
การอ้างภาวะตลาดเป็นต้นเหตุที่ทำให้หุ้นใหม่ต่ำจอง ต้องเลิกพูดกันเสียที เพราะนักลงทุนฟังจนเอียนแล้ว
ต้นตอแห่งความล่มสลายของหุ้นใหม่ จริงๆ แล้ว เกิดจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เพราะบางรายไม่มีความสำนึกถึงความเสียหายของนักลงทุน และวางแผนชั่วร้ายตั้งแต่ติดต่อทาบทามบริษัทเข้าจดทะเบียน โดยการแต่งตัวหุ้นเน่าๆ เข้ามาสูบเงินในตลาดหุ้น
หุ้นใหม่ที่ตั้งราคาขายหุ้นสูงเกินไป จนบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไปไม่รับเป็นตัวแทนขายหุ้น เพราะกลัวนักลงทุนจะเสียหาย แต่บริษัทหลักทรัพย์ที่หิวกระจายรายได้ค่าธรรมเนียมบางราย กลับเสนอตัวขันอาสาเสนอขายหุ้นให้ สุดท้ายพาลูกค้าตัวเองไปสังเวยหุ้นใหม่ที่ตั้งราคาขายมหาโหด
วิกฤตหุ้นใหม่เกิดจากปัญหาการกำหนดราคาเท่านั้น หุ้นจะดีหรือร้ายอยู่ที่ราคา เพราะหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีเลิศ ถ้าราคาสูงเกินไป ก็อาจเป็นหุ้นร้ายได้ ส่วนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานพอไปได้ ถ้าราคาต่ำก็กลายเป็นหุ้นดีได้เหมือนกัน
การแก้วิกฤตหุ้นใหม่ ต้องเริ่มต้นจากกระบวนการเลือกเฟ้นหุ้นคุณภาพ ตามด้วยการกำหนดราคาเสนอขายที่เหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐาน และเป็นธรรมต่อผู้ลงทุน
อย่าหยิบเอาประเด็นมาร์เก็ตเมกเกอร์มาพูดเพ้อเจ้อ