การเพิ่มทุน จำนวน 400.70 ล้านหุ้นของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ซึ่งเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม และกำหนดเรียกชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคมนี้ น่าจับตาว่า แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะสละสิทธิการจองซื้อหรือไม่
เพราะราคาหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขาย ราคาไม่จูงใจลงทุนแต่อย่างใด
J จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 1.2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.06 บาท พร้อมแจกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์ฟรี ในสัดส่วน 2 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ อายุ 3 ปี กำหนดราคาแปลงสภาพหุ้นละ 2 บาท
ราคาหุ้นใหม่ที่เสนอขาย สูงกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดาน ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่แถว 1 บาท และแม้จะมีวอร์แรนต์มาเป็นตัวล่อ
แต่วอร์แรนต์ที่บริษัทจดทะเบียนปั๊มออกมาแจกส่วนใหญ่ มักจะเป็นตราสารขยะ เริ่มต้นจากศูนย์ และส่วนใหญ่จบลงที่ศูนย์และ ปัจจุบันนักลงทุนรู้ทันเกมวอร์แรนต์แล้ว ไม่มีใครเข้าไปซื้อขายเก็งกำไรเหมือนในอดีต
นักลงทุนจึงนำวอร์แรนต์ของ J มาคำนวณ เพื่อใช้ในการตัดสินใจจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้ แต่จะต้องพิจารณาถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท และผลตอบแทนจากเงินที่จะเติมเข้าไปใหม่
J เป็นบริษัทลูกของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งถือหุ้น 67.51% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 1,785 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 30.21% ของทุนจดทะเบียน
ผลประกอบการของ J ไม่โดดเด่น โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนเมื่อปี 2558 ผลกำไรมีลักษณะชะลอตัว ไม่จ่ายเงินปันผล ไม่มีค่า พี/อี เรโช หรืออัตราเงินปันผลตอบแทนที่จะประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน
ในรอบ 2 ปี หุ้นกลุ่ม JMART ย่ำแย่เหมือนกันหมด ราคาตกรูด ไม่ว่าจะเป็น JMART หุ้น J หุ้นบริษัท ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER มีเพียงบริษัท เจเอ็มที เน็ตเวอร์ค เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เท่านั้น ที่ไม่ทรุดหนัก
J นำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไป ในช่วงเข้าตลาดเมื่อปี 2558 ในราคาหุ้นละ 2.77 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท แต่หลังหุ้นเข้ามาซื้อขายราคาอ่อนตัวลงต่อเนื่อง จนหลุดต่ำกว่า 1 บาท
ก่อนจะมีแรงซื้อเข้าประคองจนยืนเหนือ 1 บาท
ราคาหุ้น J บนกระดานที่ต่ำกว่าราคาหุ้นใหม่ที่บริษัทเสนอขายประมาณ 5-6% ได้ลดความน่าสนใจในการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นใหม่
เพราะถ้าอยากจะได้หุ้น J เพิ่มรอตั้งตาซื้อในกระดานจะของถูกกว่ามาก และแม้จะมีวอร์แรนต์ขายพ่วง แต่ถ้าคาดหวังกับการเก็งกำไรวอร์แรนต์ อาจตกหลุมพรางการเพิ่มทุน
นอกจากนั้น การเติมเงินเพิ่มทุนไม่อาจคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลได้ เพราะ J ไม่จ่ายปันผล เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานเพียงปีละไม่กี่แสนบาท และไม่เห็นสัญญาณการเติบโตของผลประกอบการ
JMART ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุน ต้องใส่เงินลงมาประมาณ 280 ล้านบาท แต่คณะกรรมการบริษัทยังไม่มีมติใดในการใส่เงินเพิ่มทุน J แต่เชื่อว่า JMART คงไม่สละสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่
แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 1.7 พันราย ไม่รู้ว่า มีจำนวนเท่าใดที่พร้อมจะเติมเงินให้ J เพราะนาทีนี้เงินทองหายาก จะลงทุนอะไรต้องคิดหนัก
จะควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทจดทะเบียนใด ต้องระวังขาดทุนซ้ำสอง โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเสียหายจากตลาดหุ้น จนเงินสดแทบเกลี้ยงพอร์ตแล้ว
การเพิ่มทุนของ J ครั้งนี้ คงหืดขึ้นคอ เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่อาจสละสิทธิจองซื้อ