xs
xsm
sm
md
lg

SPCG โชว์ผลประกอบการ Q1 กำไรสุทธิ 782.95ล. มั่นใจ ปีนี้กวาด 7 พันล. พร้อมรุกหนักธุรกิจโซลาร์รูฟตั้งเป้า 2 พันล.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


MGR Online - SPCG แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 62 กำไรสุทธิ 782.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 7 พันล้านบาท

วันนี้ (22 พ.ค.) นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ในงาน “บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day” ว่างบการเงินของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี มีรายได้รวมจากการขาย จำนวน 1,341.60 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจ Solar Farm ร้อยละ 83, ธุรกิจ Solar Roof ร้อยละ 12 และอื่นๆอีกร้อยละ 5 รายได้ลดลง ร้อยละ 12 จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากธุรกิจโซลารูฟ ที่ลูกค้าชะลอการลงทุน และเกิดการแข่งขันด้านราคาที่มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 782.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้จากปริมาณหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.60 เท่า ซึ่งลดลงร้อยละ6จากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 7,000 ล้านบาท โดยมาจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม จำนวน 36 โครงการรวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 70 ของรายได้รวม โดยปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโต ขึ้นอยู่กับจำนวนกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้ และการรับรู้รายได้จากการลงทุน Solar Farm ขนาด 30เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น

ส่วนธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 25 ของรายได้รวมนั้น ในปีนี้บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาทโดยยังคงมุ่งเน้นการเติบโตใน 3 กลุ่มหลักคือ กลุ่มบ้านพักอาศัย กลุ่มสำนักงาน อาคาร ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง และธุรกิจขนาดใหญ่ และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ในปีนี้ กลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะเติบโตเป็นอย่างมาก คือกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัย เนื่องจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ปี 2018 ในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนจำนวน 100 เมกะวัตต์ และหากประมาณการการติดตั้งให้แต่ละครัวเรือน ครัวเรือนละ 5 kWp สามารถครอบคลุมประชาชนได้ถึงปีละกว่า 20,000 ครัวเรือน เชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและมีความต้องการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคามากขึ้นในปีนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น