วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ ปิดเทรดเท่าจอง

วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ เทรดวันแรก ปิดเท่าราคาจองไอพีโอที่หุ้นละ 1.75 บาท ระหว่างวันราคาปรับไปสูงสุดที่1.75 บาท ต่้ำสุดที่ 1.53 บาท

วานนี้ (21 พ.ค.) บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เข้าซื้อขายเป็นวันแรก ซึ่งพบว่าเมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.58 บาท ลดลง 0.17 บาท หรือ 9.71% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 1.75 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1.75 บาท ต่ำสุดที่ 1.53 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.75 บาท เท่ากับราคาจอง มูลค่าซื้อขาย 423.09 ล้านบาท

นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VLเปิดเผยว่า มั่นใจหุ้น VL ที่เข้าซื้อขายวันนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 280 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.75 บาท เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง สะท้อนจากงบไตรมาส 1/2562 ออกมาค่อนข้างดีมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.42 ล้านบาท เติบโต 63.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการให้บริการในประเทศที่เติบโตสูงขึ้น ประกอบกับบริษัทสามารถการบริหารจัดการต้นทุนให้มีสัดส่วนที่น้อยลง ส่วนรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 185.73 ล้านบาท เติบโต 10.07%

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น มั่นใจเช่นเดียวกันว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก VL มีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจน ได้แก่ การต่อเรือใหม่ หรือการซื้อเรือมือสอง เพื่อเพิ่มความสามารถให้บริการ พร้อมทั้งยังมองหาเส้นทางการเดินเรือใหม่ เพื่อเพิ่มการให้บริการที่มากขึ้น และเป็นการสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.37-2.68 บาท

นักวิเคราะห์ จาก บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กำหนดราคาเป้าหมาย VL อยู่ที่ 2.58 บาท ด้วยวิธี PER ซึ่งอิง Prospect PER ที่ระดับ 23 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มขนส่ง และโลจิสติกส์ที่ 39 เท่า โดยประเมินกำไรต่อหุ้นแบบ Fully Diluted สำหรับปี 2562 ได้เท่ากับ 0.112 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ยังคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิระหว่างปี 2560-2562 จะอยู่ที่ 41% คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2562 จะอยู่ที่ 90 ล้านบาท เติบโตประมาณ 50% โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10.60% รายได้จากการขนส่งจะอยู่ที่ 851 ล้านบาท เติบโต 23%

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น VL ว่า มอง P/E เสนอขายค่อนข้างสูงที่ 21.8X เมื่อเทียบกับบมจ.พริมา มารีน (PRM) ที่ปัจจุบัน Trailing P/E 19.4X ขณะขนาดกองเรือของ VL เล็กกว่าถึง 8 เท่า เช่นเดียวกับความสามารถในการทำกำไร โดยอัตรากำไรสุทธิในปี 2561 เท่ากับ 8.7% ด้อยกว่า PRM ที่ 15.9% ทั้งนี้ PRM ยังมีการเติบโตของ EPS ที่สูงถึง +36%YoY น่าสนใจกว่า จึงมองหากต้องการเข้าลงทุน แนะพิจารณาบริเวณมูลค่าทางบัญชีราว 1.47 +/- บาท