“เฮเฟเล่ กรุ๊ป” โชว์ยอดขายปี61 กวาด 1,397ล้านยูโร โต 1.6% จากการทำตลาดใน150 ประเทศทั่วโลก ระบุ 80% เป็นยอดขายจากนอกประเทศเยอรมนี ชี้หากไม่นับผลกระทบจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จะมีอัตราเติบโตถึง 5.6% ท่ามกลางสภาวะตลาดโลกผันผวนสูง แจงยอดขายในไทย 3,700 ล้านบาท แย้มไตรมาส1/62 ยอดขายเติบโตมากกว่า10% คาดว่าปีทั้งปีปิดยอดขาย4,000 ล้านบาท

นางซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮเฟเล่ กรุ๊ป สำนักงานใหญ่ ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาหลายประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง ขณะเดียวกันความหวังที่จะได้ข้อยุติในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนก็ลดลง ในขณะที่ประเทศตุรกีและอาร์เจนติน่าก็ประสบกับภาวะวิกฤติค่าเงิน ส่วนบราซิลก็มีปัญหากับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนทางฝั่งยุโรปตะวันตก บรรยากาศทางเศรษฐกิจแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง และการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรหรือ Brexit ก็ยังคงส่งอิทธิพลต่อสภาวะตลาด สำหรับในเอเชียและยุโรปตะวันออก ตลาดยังไปได้ดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในหลายประเทศทั่วโลกจะประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมตลาดยังเป็นบวก โดยในปี 2561 บริษัทลูกของเฮเฟเล่ในต่างประเทศรวม 37 แห่ง มีการเติบโต 2.3% ทำให้ภาพรวมของบริษัทเป็นบวก บริษัทแม่ในประเทศเยอรมนีและบริษัทลูกทั้ง 5 แห่ง ที่เป็นบริษัทผู้ผลิต มีการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.4% จากธุรกิจส่งออก
ล่าสุด เฮเฟเล่ ได้ขยายบริการด้านโลจิสติกส์ 2 แห่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จของบริษัท โดยที่ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่เมือง Lehrte ใกล้กับเมือง Hanover ซึ่งจะให้บริการลูกค้าในแถบตอนเหนือของประเทศเยอรมนีและประเทศใกล้เคียง “การขยายศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงการขยายเวลาการรับคำสั่งซื้อและสามารถส่งสินค้าไปยังลูกค้าในประเทศเยอรมนีได้ภายในวันเดียวกัน ซึ่งพันธมิตรหรือคู่ค้าของเราย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อกิจการของ Nimbus ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบไฟห้องระบบ LED ของประเทศเยอรมนีเมื่อช่วงต้นปี โดยเฮเฟเล่อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจให้กว้างกว่าระบบไฟเฟอร์นิเจอร์
“เฮเฟเล่ได้รับการยอมรับในตลาดทางด้านระบบไฟ LED ภายใต้แบรนด์ Loox และในอนาคต เฮเฟเล่จะนำเสนอระบบไฟ LED ที่ตอบโจทย์แบบองค์รวม สำหรับการติดตั้งในอาคาร และโครงการต่างๆ ให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของเรา”
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับตลาดโรงแรมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นงานที่เฮเฟเล่มีความเชี่ยวชาญทั้งอุปกรณ์ติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งทางสถาปัตยกรรม ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆ ส่วนงานด้านการก่อสร้าง กลุ่มบริษัทยังเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติและขยายความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาผ่านการเรียนการสอนและการฝึกอบรม ผู้เชี่ยวชาญด้านงานโรงแรมของบริษัทให้การสนับสนุนสถาปนิก บริษัทก่อสร้าง โรงแรม ผู้วางผังทางเทคนิค ผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ประกอบชิ้นส่วนสำเร็จ
“ตั้งแต่การวางแผนเบื้องต้นไปจนถึงการเริ่มดำเนินงาน ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญตลาดโลก ความรู้ทางด้านผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาที่ไม่อิงผู้ผลิตรายใด ถือเป็นเสาหลักของโซลูชั่นแบบครบวงจร 360° ของเฮเฟเล่ สร้างประโยชน์ให้แก่เชนโรงแรมระดับโลก โรงแรมและโฮสเทลที่ดำเนินธุรกิจเองหรือดำเนินการโดยธุรกิจครอบครัว”
นางซิบิลี เธียเรอร์ กล่าวว่า เฮเฟเล่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแห่งการพัฒนาจำนวนมาก อาทิ กระจกห้องน้ำอัจฉริยะที่ฟังเพลงและปรับโทนสีได้ ตู้เก็บของดีไซน์ใหม่พร้อมฟังค์ชันภายใน กุญแจห้องพักโรงแรมที่ล็อคด้วยสมาร์ทโฟน หน้าจอดิจิตัลเพื่อควบคุมอาคาร ระบบกุญแจไดอะล็อคหรือระบบควบคุมการล็อคอิเล็คทรอนิกส์ที่มาพร้อมสัญญาณเชื่อมต่อระบบเครือข่าย และระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร พร้อมการทำงานแบบอัจฉริยะผ่านแอพ เฮเฟเล่ คอนเน็ค (Häfele Connect) สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงการได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นแบบครบวงจรของเฮเฟเล่
“ในปี62 นี้ เฮเฟเล่ฯมีแผนลงทุนประมาณ 73 ล้านยูโรในด้านการตลาด การขนส่งและกระจายสินค้า ระบบไอที และการผลิต ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางตลาดที่ท้าทายมากขึ้น โดยในปีนี้ เฮเฟเล่ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในระดับ 4-6% โดยบริษัทยังคงมองเห็นความเสี่ยงต่างๆ ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูง ตลอดจนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในหลายประเทศ” นางซิบิลี เธียเรอร์ กล่าว

ด้าน นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขาย เฮเฟเล่ฯ ในประเทศไทย ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 ของ เฮเฟเล่ ทั่วโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ และมียอดขายมากที่สุดเมื่อเทียบกับ ประเทศต่างๆ ในเอเชีย และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ ในกลุ่มของบริษัทเฮเฟเล่ฯทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 25 ปี เฮเฟเล่ประเทศไทย เติบโตและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น เป็น 3,700 ล้านบาท ในปี 61 และมีพนักงานเพิ่มขึ้น มากกว่า 1,500 คน โดยมีสินค้าคงคลังจำนวนมาก มีมูลค่ามากกว่า 1,700 ล้านบาท มีสินค้า มากกว่า 20,000 รายการ และมีสินค้ามากกว่า 50,000 รายการ ที่พร้อมส่งจากประเทศเยอรมนีภายใน 7 วันทำการทางเครื่องบิน
นายโฟลเคอร์ กล่าวต่ออีกว่า โดยในไตรมาศที่ 1 ปี 62 มียอดขายเติบโตเป็น 2 หลัง หรือมียอดขายเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการ ดำเนินธุรกิจในปี62 ที่คาดว่าจะทำยอดขาย ถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่ายอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสินค้าในหมวดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และยอดขายจากตัวแทนจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่นเดียวกับยอดขายของสินค้ากลุ่มอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบ กับปีที่ผ่านมา
“ในปีนี้ เฮเฟเล่ มีการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า บางนา-ตราด กม.22 โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 350 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก มากกว่าหนึ่งเท่าตัว รวมเป็นพื้นที่ 24,000 ตรม. ซึ่งการขยายคลังสินค้านี้ เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้พร้อม สำหรับการฉลองครบรอบปีที่ 25 ของเฮเฟเล่ ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ นอกจากนี้เฮเฟเล่ได้ออกแบบและปรับปรุง เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ ในกรุงเทพมหานคร ที่ ซอยสุขุมวิท 64 และอัพเกรดเฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สาขาอื่น ๆ ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท อีกด้วย” นายโฟลเคอร์ กล่าว
นางซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮเฟเล่ กรุ๊ป สำนักงานใหญ่ ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาหลายประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง ขณะเดียวกันความหวังที่จะได้ข้อยุติในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนก็ลดลง ในขณะที่ประเทศตุรกีและอาร์เจนติน่าก็ประสบกับภาวะวิกฤติค่าเงิน ส่วนบราซิลก็มีปัญหากับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนทางฝั่งยุโรปตะวันตก บรรยากาศทางเศรษฐกิจแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง และการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรหรือ Brexit ก็ยังคงส่งอิทธิพลต่อสภาวะตลาด สำหรับในเอเชียและยุโรปตะวันออก ตลาดยังไปได้ดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในหลายประเทศทั่วโลกจะประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมตลาดยังเป็นบวก โดยในปี 2561 บริษัทลูกของเฮเฟเล่ในต่างประเทศรวม 37 แห่ง มีการเติบโต 2.3% ทำให้ภาพรวมของบริษัทเป็นบวก บริษัทแม่ในประเทศเยอรมนีและบริษัทลูกทั้ง 5 แห่ง ที่เป็นบริษัทผู้ผลิต มีการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.4% จากธุรกิจส่งออก
ล่าสุด เฮเฟเล่ ได้ขยายบริการด้านโลจิสติกส์ 2 แห่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จของบริษัท โดยที่ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่เมือง Lehrte ใกล้กับเมือง Hanover ซึ่งจะให้บริการลูกค้าในแถบตอนเหนือของประเทศเยอรมนีและประเทศใกล้เคียง “การขยายศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงการขยายเวลาการรับคำสั่งซื้อและสามารถส่งสินค้าไปยังลูกค้าในประเทศเยอรมนีได้ภายในวันเดียวกัน ซึ่งพันธมิตรหรือคู่ค้าของเราย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อกิจการของ Nimbus ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบไฟห้องระบบ LED ของประเทศเยอรมนีเมื่อช่วงต้นปี โดยเฮเฟเล่อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจให้กว้างกว่าระบบไฟเฟอร์นิเจอร์
“เฮเฟเล่ได้รับการยอมรับในตลาดทางด้านระบบไฟ LED ภายใต้แบรนด์ Loox และในอนาคต เฮเฟเล่จะนำเสนอระบบไฟ LED ที่ตอบโจทย์แบบองค์รวม สำหรับการติดตั้งในอาคาร และโครงการต่างๆ ให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของเรา”
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับตลาดโรงแรมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นงานที่เฮเฟเล่มีความเชี่ยวชาญทั้งอุปกรณ์ติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งทางสถาปัตยกรรม ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆ ส่วนงานด้านการก่อสร้าง กลุ่มบริษัทยังเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติและขยายความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาผ่านการเรียนการสอนและการฝึกอบรม ผู้เชี่ยวชาญด้านงานโรงแรมของบริษัทให้การสนับสนุนสถาปนิก บริษัทก่อสร้าง โรงแรม ผู้วางผังทางเทคนิค ผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ประกอบชิ้นส่วนสำเร็จ
“ตั้งแต่การวางแผนเบื้องต้นไปจนถึงการเริ่มดำเนินงาน ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญตลาดโลก ความรู้ทางด้านผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาที่ไม่อิงผู้ผลิตรายใด ถือเป็นเสาหลักของโซลูชั่นแบบครบวงจร 360° ของเฮเฟเล่ สร้างประโยชน์ให้แก่เชนโรงแรมระดับโลก โรงแรมและโฮสเทลที่ดำเนินธุรกิจเองหรือดำเนินการโดยธุรกิจครอบครัว”
นางซิบิลี เธียเรอร์ กล่าวว่า เฮเฟเล่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแห่งการพัฒนาจำนวนมาก อาทิ กระจกห้องน้ำอัจฉริยะที่ฟังเพลงและปรับโทนสีได้ ตู้เก็บของดีไซน์ใหม่พร้อมฟังค์ชันภายใน กุญแจห้องพักโรงแรมที่ล็อคด้วยสมาร์ทโฟน หน้าจอดิจิตัลเพื่อควบคุมอาคาร ระบบกุญแจไดอะล็อคหรือระบบควบคุมการล็อคอิเล็คทรอนิกส์ที่มาพร้อมสัญญาณเชื่อมต่อระบบเครือข่าย และระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร พร้อมการทำงานแบบอัจฉริยะผ่านแอพ เฮเฟเล่ คอนเน็ค (Häfele Connect) สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงการได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นแบบครบวงจรของเฮเฟเล่
“ในปี62 นี้ เฮเฟเล่ฯมีแผนลงทุนประมาณ 73 ล้านยูโรในด้านการตลาด การขนส่งและกระจายสินค้า ระบบไอที และการผลิต ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางตลาดที่ท้าทายมากขึ้น โดยในปีนี้ เฮเฟเล่ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในระดับ 4-6% โดยบริษัทยังคงมองเห็นความเสี่ยงต่างๆ ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูง ตลอดจนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในหลายประเทศ” นางซิบิลี เธียเรอร์ กล่าว
ด้าน นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขาย เฮเฟเล่ฯ ในประเทศไทย ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 ของ เฮเฟเล่ ทั่วโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ และมียอดขายมากที่สุดเมื่อเทียบกับ ประเทศต่างๆ ในเอเชีย และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ ในกลุ่มของบริษัทเฮเฟเล่ฯทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 25 ปี เฮเฟเล่ประเทศไทย เติบโตและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น เป็น 3,700 ล้านบาท ในปี 61 และมีพนักงานเพิ่มขึ้น มากกว่า 1,500 คน โดยมีสินค้าคงคลังจำนวนมาก มีมูลค่ามากกว่า 1,700 ล้านบาท มีสินค้า มากกว่า 20,000 รายการ และมีสินค้ามากกว่า 50,000 รายการ ที่พร้อมส่งจากประเทศเยอรมนีภายใน 7 วันทำการทางเครื่องบิน
นายโฟลเคอร์ กล่าวต่ออีกว่า โดยในไตรมาศที่ 1 ปี 62 มียอดขายเติบโตเป็น 2 หลัง หรือมียอดขายเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการ ดำเนินธุรกิจในปี62 ที่คาดว่าจะทำยอดขาย ถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่ายอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสินค้าในหมวดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และยอดขายจากตัวแทนจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่นเดียวกับยอดขายของสินค้ากลุ่มอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบ กับปีที่ผ่านมา
“ในปีนี้ เฮเฟเล่ มีการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า บางนา-ตราด กม.22 โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 350 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก มากกว่าหนึ่งเท่าตัว รวมเป็นพื้นที่ 24,000 ตรม. ซึ่งการขยายคลังสินค้านี้ เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้พร้อม สำหรับการฉลองครบรอบปีที่ 25 ของเฮเฟเล่ ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ นอกจากนี้เฮเฟเล่ได้ออกแบบและปรับปรุง เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ ในกรุงเทพมหานคร ที่ ซอยสุขุมวิท 64 และอัพเกรดเฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สาขาอื่น ๆ ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท อีกด้วย” นายโฟลเคอร์ กล่าว


