"อินโดรามา เวนเจอร์ส" รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2562 มีรายได้รวม 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 95.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) อยู่ที่ 304 พันล้านเหรียญสหรัฐ (8.4 พันล้านบาท) ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบปีต่อปี ด้านกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม อยู่ที่ 117 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.7 พันล้านบาท) ลดลงร้อยละ 36 เมื่อเทียบปีต่อปีและกำไรหลักต่อหุ้น อยู่ที่ 0.67 บาท ลดลงร้อยละ 32 เมื่อเทียบปีต่อปี
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL กล่าวว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมเติบโตร้อยละ 26 เมื่อเทียบปีต่อปี เป็นผลจากการเติบโตของกำลังการผลิตในทุกภูมิภาคและเป็นครั้งแรกที่มีรายได้จากการขายในไตรมาสอยู่ที่ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี Core EBITDA อยู่ที่ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจ Integrated PET กลุ่มธุรกิจ Fibers และกลุ่มธุรกิจ Packaging ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 ของกำลังการผลิตรวม ทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็นร้อยละ 92 ของ Core EBITDA ทั้งหมด
โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 และสิบสองเดือนล่าสุด ได้รับผลกระทบจากกำไรที่อ่อนตัวของธุรกิจ Olefins และ Specialty Chemicals รายได้ในธุรกิจ Olefins ได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาการปิดชั่วคราวและได้กลับมาเริ่มการผลิตอีกครั้ง ธุรกิจ Specialty Chemicals ได้รับผลกระทบจากกำไรที่ปรับตัวลดลงอย่างมากและคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในระยะเวลาที่เหลือของปี 2562 เนื่องจากการอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนี้
ขณะที่ธุรกิจ Integrated PET ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและภาพรวมกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิจการที่เข้าซื้อในปี 2561 และการบูรณาการของกิจการที่เข้าซื้อในช่วงปี 2561 และ 2562 ซึ่งประกอบด้วยกิจการ PTA ในประเทศโปรตุเกส กิจการ PET (ในประเทศอียิปต์และบราซิล) และการควบรวมกิจการ PET ในประเทศอินเดียและ PTA ในอินโดนีเซีย กำไรจากธุรกิจนี้มีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธุรกิจที่ทำสัญญาธุรกิจในตลาดตะวันตก โดยธุรกิจ Fibers ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจในแนวดิ่ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยและไลฟ์สไตล์ โดยเป็นผลมาจากอัตราการดำเนินงานที่ดีขึ้นและราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัวลง
"แม้ว่าบริษัท ฯ จะเผชิญอุปสรรคชั่วคราวในหลาย ๆ ด้าน แต่เราได้มีการวางกลยุทธ์ที่จำเป็นในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์และความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของโมเดลทางธุรกิจของไอวีแอลที่มีการบูรณาการ ส่งผลต่อความสามารถในการก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ระยะสั้นเหล่านี้ เชื่อมั่นว่า ด้วยโอกาสที่ดีในการกลุ่มธุรกิจที่จะขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ พร้อมการสนับสนุนจากตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาดในกลุ่มธุรกิจ Integrated PET และ Fibers ทำให้ไอวีแอลอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเติบโตและยังคงเชื่อมั่นในการสร้างการเติบโต EBITDA เป็นสองเท่าในทุก ๆ 5 ปี"
ทั้งนี้ภาพรวมปี 2562 บริษัทฯ คาดการณ์ว่า ธุรกิจหลัก (ธุรกิจ Integrated PET, Fibers และ Packaging) จะยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2562 รายได้จากธุรกิจ Olefins และ Specialty Chemicals คาดว่าจะยังคงอ่อนตัวในช่วงที่เหลือของปี 2562 การเปลี่ยนแปลงของบริบททางธุรกิจที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องพิจารณาเป้าหมาย EBITDA อย่างรอบคอบ และเชื่อว่าอาจมีความเหมาะสมในการลดเป้าหมายของ Core EBITDA สำหรับปี 2562 ที่มีการประกาศไปก่อนหน้า ลดลงร้อยละ 10-15
ในส่วนของการความสามารถในการลงทุน ไอวีแอลคาดการณ์ว่าจากกระแสเงินสดประมาณ 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เพิ่มเติมจากโครงการร่วมทุน Corpus Christi ในสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศไปแล้วในธุรกิจข้างเคียง โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ในขณะเดียวกันสร้างการเติบโตตามปกติในธุรกิจ Integrated PET และ Fibers