การใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง เอารัดเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง กลุ่มผู้บริหาร บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เป็นคดีล่าสุด
ผู้ร่วมขบวนการอินไซเดอร์หุ้น PTL มีจำนวน 8 ราย เป็นนิติบุคคลที่ถือหุ้นใหญ่ใน PTL จำนวน 2 ราย และเป็นกลุ่มผู้บริหารอีก 6 ราย โดยถูกลงโทษปรับและส่งคืนผลประโยชน์จากการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 56.69 ล้านบาท
การใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปของกลุ่มผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ เกิดขึ้นในไตรมาสแรกปี 2559 โดยผู้บริหารรู้ว่าผลประกอบการจะพลิกมีกำไร จึงทยอยกันเข้าซื้อหุ้น ก่อนที่งบการเงินจะประกาศให้นักลงทุนทั่วไป
ผลประกอบการ PTL ไตรมาสแรกปี 2559 มีกำไรสุทธิ 464.39 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 111.32 ล้านบาท
มาตรการลงโทษในทางแพ่ง โดยปรับผู้ร่วมขบวนการอินไซด์ทั้ง 8 ราย หากผู้กระทำผิดไม่ชำระค่าปรับ ก.ล.ต.จะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องในทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุด
PTL ในอดีตเคยติดกลุ่มหุ้นร้อน มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เชียร์กันสนั่น แต่นักลงทุนที่ตามแห่เก็งกำไรเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันจนเข็ด ถูกปลดจากการเป็นหุ้นยอดนิยม และกลายเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ซึ่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาขึ้นสูงสุดที่ 17.60 บาท ต่ำสุดที่ 12.80 บาท/หุ้น
หลังถูก ก.ล.ต. ลงโทษกลุ่มผู้บริหาร ในความผิดอินไซด์ราคาหุ้น PTL ทรุดลงมารับข่าวร้าย โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ปิดที่ 15.10 บาท ลดลง 80 สตางค์ หรือลดลง 5.03%
ผู้ถือหุ้นใหญ่ PTL ประกอบด้วย บริษัท โพลีเพล็กซ์ (เอเชีย) ถือหุ้นในสัดส่วน 33.74% ของทุนจดทะเบียน บริษัท โพลีเพล็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 17.19% และกลุ่มชาติพิทักษ์ ถือหุ้นร่วมกัน 13.83% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมทั้งสิ้น 5,974 ราย
ปัจจัยพื้นฐานหุ้นตัวนี้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีค่าพี/อี เรโช เพียงประมาณ 6 เท่าเศษ อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.64% ส่วนผลประกอบการปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,649.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 778.10 ล้านบาท
พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้วหุ้น PTL อยู่ในระดับที่ลงทุนได้ มีกำไรสม่ำเสมอ จ่ายปันผลได้ต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง เพียงกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นต่างชาติ ผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติ และเคยเป็นหุ้นที่มีการสร้างข่าวจุดพลุเก็งกำไรร้อนแรงในอดีต
การที่กลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมขบวนการเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป โดยใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น จะส่งผลกระทบต่อความไม่เชื่อมั่นการลงทุนใน PTL
เพราะกลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ หมดความน่าไว้วางใจ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร โดยผู้บริหารเดิมที่ถูก ก.ล.ต.ลงโทษ จะต้องจากตำแหน่ง และแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ขึ้นมาแทน แต่ผู้บริหารชุดใหม่ก็ยังถูกกำหนดโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถูกลงโทษปรับคดีอินไซด์ด้วย
ปัจจัยพื้นฐานที่ดูดีของหุ้น PTL กำลังถูกลบล้างด้วยพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปของกลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บั่นทอนความน่าสนใจในหุ้นตัวนี้
