“วีรันดา” เตรียมจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น ลบข้อจำกัดเงินทุนพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ เผยนโยบายลงทุนเน้นธุรกิจโรงแรม เสริมแกร่งด้วยโครงการที่อยู่อาศัย ล่าสุดแตกไลน์ รุกธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ในมือ แจงแนวทางขยายธุรกิจ2รูปแบบ1.พัฒนาเอง 2.เข้าเทคโอเวอร์โรงแรมศักยภาพสูง หวังต่อยอดธุรกิจโรงแรมเพิ่มพอร์ตห้องพักครอบคลุมพื้นที่บริการมากที่สุด
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด ( มหาชน ) กล่าวว่า แนวทางการขยายธุรกิจของ “วีรันดา” มีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการเอง 2.เข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเลือกโครงการที่มีศักยภาพทั้งในด้านทำเล และการตลาด โดยในปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจอยู่ 3 ส่วน คือ 1.ธุรกิจโรงแรม 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ 3.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดที่เพิ่มขึ้นมา
“ธุรกิจหลักของ “วีรันดา” ยังคงเป็นการพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ท เนื่องจากเราเป็น Designed Brand มีความถนัดในเรื่องการออกแบบ การพัฒนา และการบริหารโรงแรม และที่พักอาศัยให้ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยควบคู่กัน คือลูกค้าที่ต้องการการพักผ่อนและความสะดวกเหมือนอยู่บ้าน แต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์ตัวเองด้วยการนำลักษณะและศิลปะของพื้นที่ มาผสมผสานให้เข้ากับความทันสมัยที่เหมาะแก่การพักผ่อนที่เน้นการออกแบบการตกแต่งภายใน คือการเน้นพื้นที่ของแลนด์สเคปที่มากกว่า และออกแบบให้มีสระว่ายน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของพื้นที่”
แม้ว่า ธุรกิจหลักของ บริษัทจะเป็นธุรกิจโรงแรม แต่ “วีรันดา” ก็จะไม่ทิ้งโอกาสในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งหากในทำใดที่มีดีมานด์ และมีพื้นที่เหมาะจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ก็จะลงทุนพัฒนาควบคู่ไปกับโรงแรม เช่นโครงการวีรันดา รีสอร์ท พัทยา และร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท ในพัทยา และ ล่าสุด คือ โครงการวีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน คอนโดมิเนียม 270 ยูนิต ซึ่งมีการพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก 39 ห้อง เพื่อซับพอร์ตความต้องการลูกค้าในโครงการคอนโด และเนื่องจากในทำเลนี้ บริษัทมีรีสอร์ทอยู่แล้ว ดังนั้น โครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่พัฒนาขึ้น จึงมีขนาดใหญ่กว่าโรงแรม โดยโรงแรมที่จะเปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ เวอร์โซ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี63
ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เป็นธุรกิจใหม่ ที่เกิดจากการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งนำเอาบริการที่มีอยู่ในโรงแรม โซ โซฟิเทลแบงก์คอค มาต่อยอดธุรกิจ ไปสู่ธุรกิจร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม โดยบริษัท ได้เปิดตัว ร้าน Skoop Beach Cafe สาขาพัทยา ซึ่งเป็น Beach Cafe ติดชายหาด ที่มีการตกแต่งร้านให้บรรยากาศ สดชื่น สบาย ผ่อนคลาย สามารถพักผ่อนพร้อมกับรับประทานอาหาร ของหวาน เครื่องดื่ม และไอศกรีมโฮมเมด มีรสชาติให้เลือกหลากหลายและมีความแปลกใหม่ พร้อมกันนี้ยังแตกไลน์ ด้วยการเปิดร้านเครื่องดื่ม และขนมหวาน “KOF” สาขาสาทร และสาขาทองหล่อ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์ผู้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบรสกาแฟ และขนามหวาน แต่ใส่ใจในสุขภาพ
“สำหรับโครงการแรกที่บริษัทพัฒนาคือ วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน โรงแรมสไตล์ฮิปโฮเทล ขนาด 97 ห้อง บนพื้นที่1ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลระหว่างหัวหินกับชะอำ เน้นเรื่องการให้พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่กว่าโรงแรมอื่นๆ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ต่อมาได้ซื้อที่เพิ่มในด้านหลัง และพัฒนาห้องพักเพิ่มอีก36ห้อง ทำให้มีพักพักรวม136 ห้อง ต่อมา ได้ขยายการพัฒนาโครงการใหม่ใน อ.หาดง จ.เชียงใหม่ ภายใต้ชื่อ “วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่” ซึ่งพัฒนาเป็นโรงแรมขาด70 ห้อง และพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 30 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขาย 50 %” นายวีรวัฒน์ กล่าว
อีก2 ปีต่อมา บริษัทได้ซื้อที่ดินในหัวมุมถนนสาทร พัฒนาเป็นโรงแรม ซึ่งนำเสนอภายใต้แบรนด์ โซ โซฟิเทล แบงก์คอค เป็นดีไซน์โฮเทลที่ตอบโจทย์ชีวิตและไลฟ์สไตล์คนเมือง จนกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่พบปะสังสรรค์อันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯ ทั้งในส่วนของห้องอาหาร, ห้องจัดเลี้ยง และงานอีเว้นท์ต่างๆ เพราะเป็นการนำเสนอไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองที่ผสมผสานความสนุกสนาน และความหรูหราเข้าด้วยกัน
“จากจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทในคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ส่งผลให้ในปัจจุบัน “วีรันดา” ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำดีไซน์แบรนด์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการสร้างซิกเนเจอร์ด้านดีไซน์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า”
ขณะเดียวกันก็ได้ขยายการลงทุนไปที่พัทยา ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของธุรกิจโรงแรม โดยได้ซื้อที่ดิน9ไร่ในช่วงปลายหาดจอมเทียน เข้ามาพัฒนา โครงการวีรันดา รีสอร์ท พัทยา และร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท, โรงแรมขาด145ห้อง และโครงการคอนโด วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา สูง35ชั้น จำนวน 329 ยูนิต ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 90% และมียอดโอนแล้วกว่า 70-80% โดยมี CBRE เข้ามาช่วยในการบริหารการขายและการทำการตลาดให้
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาของ วีรันดา ในปัจจุบันคือ ข้อจำกัดด้านเงินทุน และเนื่องจากนโยบายด้านการลงทุนของบริษัท ที่เน้นให้น้ำหนักกับการลงทุนในธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรีเทิร์นของทุน โดยที่ผ่านมาทุกๆ 3 - 4 ปี บริษัท จะมีการลงทุนโรงแรม1แห่ง แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเงินทุน “วีรันดา” จึงมีแผนจะนำหุ้นเข้ากระจายนตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนใช้หมุนเวียนในธุรกิจ รวมถึงการขยายโครงการใหม่ๆ ซึ่งเบื้องต้นจะนำไปลงทุนพัฒนาโครงการวีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน ก่อน ล่าสุดบริษัทได้ยื่นคำขอการกระจายหุ้น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่ง ก.ล.ต. มีมติอนุมัติแบบคำขอยื่นไฟล์ลิงของบริษัทแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะนำหนุนออกกระจายในตลาดในสัดส่วนไม่เกิน 30%
ทั้งนี้ หากบริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุนก็จะมีการลงทุนพัฒนาโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้บริษัทยังมองหาทำเลใหม่ๆ ในการพัฒนาโรงแรม โดยเฉพาะทำเลในย่านภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ โดยจะเน้นที่การซื้อที่ดินเข้ามาและพัฒนาตัวเองเพื่อให้สามารถดีไซน์ได้ตามความต้องการ แต่หากจังหวะดีเจอกับโรงแรมที่มีดีไซน์ตรงตามความต้องการและมีศักยภาพด้านการตลาดก็มีโอกาสที่จะเข้าซื้อและนำมาให้บริการภายใต้แบน “วีรันดา” ส่วนนโยบายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จะเน้นการพัฒนาองค์การควบคู่ไปกับโรงแรมเช่นเดิม
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด ( มหาชน ) กล่าวว่า แนวทางการขยายธุรกิจของ “วีรันดา” มีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการเอง 2.เข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเลือกโครงการที่มีศักยภาพทั้งในด้านทำเล และการตลาด โดยในปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจอยู่ 3 ส่วน คือ 1.ธุรกิจโรงแรม 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ 3.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดที่เพิ่มขึ้นมา
“ธุรกิจหลักของ “วีรันดา” ยังคงเป็นการพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ท เนื่องจากเราเป็น Designed Brand มีความถนัดในเรื่องการออกแบบ การพัฒนา และการบริหารโรงแรม และที่พักอาศัยให้ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยควบคู่กัน คือลูกค้าที่ต้องการการพักผ่อนและความสะดวกเหมือนอยู่บ้าน แต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์ตัวเองด้วยการนำลักษณะและศิลปะของพื้นที่ มาผสมผสานให้เข้ากับความทันสมัยที่เหมาะแก่การพักผ่อนที่เน้นการออกแบบการตกแต่งภายใน คือการเน้นพื้นที่ของแลนด์สเคปที่มากกว่า และออกแบบให้มีสระว่ายน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของพื้นที่”
แม้ว่า ธุรกิจหลักของ บริษัทจะเป็นธุรกิจโรงแรม แต่ “วีรันดา” ก็จะไม่ทิ้งโอกาสในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งหากในทำใดที่มีดีมานด์ และมีพื้นที่เหมาะจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ก็จะลงทุนพัฒนาควบคู่ไปกับโรงแรม เช่นโครงการวีรันดา รีสอร์ท พัทยา และร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท ในพัทยา และ ล่าสุด คือ โครงการวีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน คอนโดมิเนียม 270 ยูนิต ซึ่งมีการพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก 39 ห้อง เพื่อซับพอร์ตความต้องการลูกค้าในโครงการคอนโด และเนื่องจากในทำเลนี้ บริษัทมีรีสอร์ทอยู่แล้ว ดังนั้น โครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่พัฒนาขึ้น จึงมีขนาดใหญ่กว่าโรงแรม โดยโรงแรมที่จะเปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ เวอร์โซ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี63
ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เป็นธุรกิจใหม่ ที่เกิดจากการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งนำเอาบริการที่มีอยู่ในโรงแรม โซ โซฟิเทลแบงก์คอค มาต่อยอดธุรกิจ ไปสู่ธุรกิจร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม โดยบริษัท ได้เปิดตัว ร้าน Skoop Beach Cafe สาขาพัทยา ซึ่งเป็น Beach Cafe ติดชายหาด ที่มีการตกแต่งร้านให้บรรยากาศ สดชื่น สบาย ผ่อนคลาย สามารถพักผ่อนพร้อมกับรับประทานอาหาร ของหวาน เครื่องดื่ม และไอศกรีมโฮมเมด มีรสชาติให้เลือกหลากหลายและมีความแปลกใหม่ พร้อมกันนี้ยังแตกไลน์ ด้วยการเปิดร้านเครื่องดื่ม และขนมหวาน “KOF” สาขาสาทร และสาขาทองหล่อ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์ผู้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบรสกาแฟ และขนามหวาน แต่ใส่ใจในสุขภาพ
“สำหรับโครงการแรกที่บริษัทพัฒนาคือ วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน โรงแรมสไตล์ฮิปโฮเทล ขนาด 97 ห้อง บนพื้นที่1ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลระหว่างหัวหินกับชะอำ เน้นเรื่องการให้พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่กว่าโรงแรมอื่นๆ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ต่อมาได้ซื้อที่เพิ่มในด้านหลัง และพัฒนาห้องพักเพิ่มอีก36ห้อง ทำให้มีพักพักรวม136 ห้อง ต่อมา ได้ขยายการพัฒนาโครงการใหม่ใน อ.หาดง จ.เชียงใหม่ ภายใต้ชื่อ “วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่” ซึ่งพัฒนาเป็นโรงแรมขาด70 ห้อง และพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 30 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขาย 50 %” นายวีรวัฒน์ กล่าว
อีก2 ปีต่อมา บริษัทได้ซื้อที่ดินในหัวมุมถนนสาทร พัฒนาเป็นโรงแรม ซึ่งนำเสนอภายใต้แบรนด์ โซ โซฟิเทล แบงก์คอค เป็นดีไซน์โฮเทลที่ตอบโจทย์ชีวิตและไลฟ์สไตล์คนเมือง จนกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่พบปะสังสรรค์อันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯ ทั้งในส่วนของห้องอาหาร, ห้องจัดเลี้ยง และงานอีเว้นท์ต่างๆ เพราะเป็นการนำเสนอไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองที่ผสมผสานความสนุกสนาน และความหรูหราเข้าด้วยกัน
“จากจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทในคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ส่งผลให้ในปัจจุบัน “วีรันดา” ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำดีไซน์แบรนด์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการสร้างซิกเนเจอร์ด้านดีไซน์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า”
ขณะเดียวกันก็ได้ขยายการลงทุนไปที่พัทยา ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของธุรกิจโรงแรม โดยได้ซื้อที่ดิน9ไร่ในช่วงปลายหาดจอมเทียน เข้ามาพัฒนา โครงการวีรันดา รีสอร์ท พัทยา และร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท, โรงแรมขาด145ห้อง และโครงการคอนโด วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา สูง35ชั้น จำนวน 329 ยูนิต ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 90% และมียอดโอนแล้วกว่า 70-80% โดยมี CBRE เข้ามาช่วยในการบริหารการขายและการทำการตลาดให้
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาของ วีรันดา ในปัจจุบันคือ ข้อจำกัดด้านเงินทุน และเนื่องจากนโยบายด้านการลงทุนของบริษัท ที่เน้นให้น้ำหนักกับการลงทุนในธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรีเทิร์นของทุน โดยที่ผ่านมาทุกๆ 3 - 4 ปี บริษัท จะมีการลงทุนโรงแรม1แห่ง แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเงินทุน “วีรันดา” จึงมีแผนจะนำหุ้นเข้ากระจายนตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนใช้หมุนเวียนในธุรกิจ รวมถึงการขยายโครงการใหม่ๆ ซึ่งเบื้องต้นจะนำไปลงทุนพัฒนาโครงการวีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน ก่อน ล่าสุดบริษัทได้ยื่นคำขอการกระจายหุ้น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่ง ก.ล.ต. มีมติอนุมัติแบบคำขอยื่นไฟล์ลิงของบริษัทแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะนำหนุนออกกระจายในตลาดในสัดส่วนไม่เกิน 30%
ทั้งนี้ หากบริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุนก็จะมีการลงทุนพัฒนาโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้บริษัทยังมองหาทำเลใหม่ๆ ในการพัฒนาโรงแรม โดยเฉพาะทำเลในย่านภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ โดยจะเน้นที่การซื้อที่ดินเข้ามาและพัฒนาตัวเองเพื่อให้สามารถดีไซน์ได้ตามความต้องการ แต่หากจังหวะดีเจอกับโรงแรมที่มีดีไซน์ตรงตามความต้องการและมีศักยภาพด้านการตลาดก็มีโอกาสที่จะเข้าซื้อและนำมาให้บริการภายใต้แบน “วีรันดา” ส่วนนโยบายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จะเน้นการพัฒนาองค์การควบคู่ไปกับโรงแรมเช่นเดิม
