การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะผู้ถือหุ้นเปิดศึกซักฟอกผู้บริหารอย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ
การทุจริตสต๊อกน้ำมันปาล์ม มูลค่าประมาณ 2,100 ล้านบาท เกิดขึ้นหลังจาก GGC แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561 ว่า ได้ตรวจสอบพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 71,848 ตัน ในคลังของคู่ค้าสูญหาย โดยมีพนักงาน ผู้บริหารบริษัท และบริษัทคู่ค้าร่วมกันทุจริต
ในวันเดียวกัน นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ GGC
ความเสียหายจากทุจริตน้ำมันปาล์มดิบ ทำให้ GGC ต้องบันทึกความเสียหายในไตรมาส 2 ปี 2561 จำนวน 2,004 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทปี 2561 ขาดทุน จำนวน 1,160.77 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นจำนวนเกือบ 8 พันรายในขณะนั้น ตกเป็นผู้เสียหาย เพราะ GGC งดจ่ายปันผล ส่วนคณะกรรมการบริษัททั้งหมด ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ และกรรมการหลายคน แม้จะพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง แต่การประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา มีมติรับเข้ามารับตำแหน่งและกินเงินเดือนอีกครั้ง
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC บริษัทในเครือ ปตท. ถือหุ้นใหญ่ใน GGC สัดส่วน 72.29% และมีอำนาจในการกำกับนโยบายหรือการกำหนดบุคคลที่จะเข้าบริหารใน GGC
การที่กรรมการเก่า GGC ได้รับการต่ออายุกลับเข้ามารับตำแหน่ง เป็นการสนับสนุนจาก PTTGC แต่ PTTGC ไม่เคยแสดงความใส่ใจในการตรวจสอบการทุจริตน้ำมันปาล์มในบริษัทลูกแห่งนี้แต่อย่างใด ไม่เคยแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เสียหาย
คดีทุจริตใน GGC เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาล หรือกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในทางอ้อม ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ และควรสั่งการให้ตรวจสอบและดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอย่างจริงจัง
แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่เคยพูดถึงการทุจริตใน GGC ผู้บริหารบริษัท ปตท.ไม่เคยหยิบยกปัญหาใน GGC ขึ้นมาพิจารณาแก้ไข
และผู้บริหาร GGC ไม่เคยเปิดแถลงข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่พยายามปิดบังอำพรางการดำเนินคดีต่อผู้ร่วมขบวนการทุจริต และจนบัดนี้ ไม่เคยปรากฏชื่อผู้บริหาร พนักงาน และบริษัทคู่ค้าที่ร่วมทุจริตทั้งที่ GGC ควรตีแผ่ผู้ร่วมขบวนการปล้นสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบให้สาธารณชนรับรู้
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เคยทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบการทุจริตน้ำมันปาล์มดิบใน GGC และยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนด้วย แต่เรื่องเงียบหาย
ไม่มีหน่วยงานใดสนใจติดตามความคืบหน้า คดีทุจริตน้ำมันปาล์มดิบ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทใน GGC มีแต่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่ทวงถาม และเปิดซักฟอกใหญ่ผู้บริหารบริษัท ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุด แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี
สิ่งที่ออกจากปากผู้บริหารหลังจากถูกซักหนักกลางที่ประชุมผู้ถือหุ้นคือ เสียใจ สะเทือนใจ และคำกล่าวอ้างว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ไม่ยอมปริปากบอกว่า ผู้ร่วมขบวนการทุจริตเป็นใครกันบ้าง แจ้งความดำเนินคดีไว้โรงพักไหน
ความเสียหายจากการทุจริตน้ำมันปาล์ม ทำให้บริษัทต้องขาดทุนสะสม จำนวน 887 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายบริหาร GGC แก้ง่ายๆ โดยนำทุนสำรองของบริษัทและลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ลดพาร์) จาก 10 บาทเหลือ 9.50 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสม โดยผู้ถือหุ้นกลายเป็นผู้รับเคราะห์
การล่องหนของน้ำมันปาล์มดิบใน GGC คงจะเป็นคดีที่ถูกปิดบังอำพรางกันต่อไป และไม่มีหน่วยงานใดจะเข้าไปขุดค้น นำข้อเท็จจริงมาตีแผ่ นำผู้ร่วมขบวนการมาประจานให้สังคมรับรู้
ผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าทุกข์โดยตรง ทำได้เพียงรอซักฟอกผู้บริหาร GGC เพียงปีละครั้งเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรกับฝ่ายบริหาร GGC ได้มากกว่านี้
เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น ต้องยอมรับในความโดดเดี่ยว มีปัญหาต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะไม่มีหน่วยงานใดทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนผู้ถือหุ้น คดีโกงใน GGC เป็นอีกกรณีตัวอย่าง
ไม่มีใครเลยที่จะกดดันให้คณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ เปิดโปงแก๊งปล้นน้ำมันปาล์มดิบมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท แม้เป็นการปล้นทรัพย์สินของประชาชนก็ตาม