พริมา มารีน ยิ้มหลังกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บ (FSU) มีความต้องการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากข้อกำหนดของ IMO พร้อมซื้อเรือใหม่เพิ่มทันทีอีก 1 ลำ เพื่อขยายกองเรือที่ให้บริการในกลุ่มธุรกิจนี้ จากเดิม 5 ลำ เป็น 6 ลำ สนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ 10-15%
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอุตสาหกรรมการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมทางทะเลในปีนี้ที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนจากอัตราค่าบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบ หรือ FSU ที่มีสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเรือ FSU เพื่อกักเก็บและผสมน้ำมันเตาให้ได้ค่ากำมะถันต่ำ (0.5%) ตามข้อกำหนดของ IMO ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2020 ทำให้แนวโน้มต่อจากนี้ลูกค้าจะมีความต้องการใช้เรือ FSU ในตลาดเพิ่มขึ้น
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ PRM ในการรุกธุรกิจ โดยบริษัทฯ เดินหน้าลงทุนซื้อเรือ FSU ขนาดประมาณ 300,000 DWT (VLCC) เข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 1 ลำ เพื่อรองรับปัจจัยบวกดังกล่าว จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีเรือ FSU ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 5 ลำ โดยมีอัตราการใช้บริการ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 อยู่ในระดับมากกว่า 95% ซึ่งรับเรือลำใหม่เสร็จสิ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2562 อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและจะเริ่มรับรู้รายได้จากเรือลำใหม่ได้ภายในเดือนเมษายน 2562
“สัญญาณการฟื้นตัวของการใช้บริการเรือ FSU จากข้อกำหนดของ IMO มาเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ประกอบกับลูกค้ามีความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราจึงเร่งดำเนินการลงทุนจัดหาเรือ FSU เพิ่มอีก 1 ลำทันที และกำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจในการจัดหาเรือ VLCC เพิ่มอีก 1 ลำ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเชื่อว่าด้วยสัญญาณเชิงบวกและแผนงานของเราในกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการผลักดันภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตตามแผน 10-15%” นายชาญวิทย์ กล่าว