xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นปีนี้อาจไม่ฟื้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประจำไตรมาส 4 ปี 2561 ตัวเลขที่ถูกรวบรวมออกมาน่าตกใจ เพราะกำไรทรุดฮวบลงเกือบ 40% ต่ำกว่าความคาดหมายของนักวิเคราะห์ จนโบรกเกอร์หลายแห่งต้องปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลง



บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ได้รายงานผลกำไรบริษัทจดทะเบียน 563 แห่ง ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกันประมาณ 99% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดปรากฏว่า

ไตรมาส 4 ปี 2561 มีกำไรทั้งสิ้น 1.56 แสนล้านบาท ลดลง 39.10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2560

กำไรไตรมาส 4 ที่ลดลง ทำให้ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมปี 2561 มีจำนวนรวมเพียง 9.7 แสนล้านบาท จากที่คาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านบาท

ผลกำไรบริษัทจดทะเบียน มีผลโดยตรงต่อการประเมินปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้น และกำไรที่ลดลงจะทำให้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นอ่อนแอลง ค่า พี/อี เรโช หรือสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนมีแนวโน้มลดลง

ถ้าบริษัทจดทะเบียนมีกำไรลดลง ค่า พี/อี เรโช ของตลาดหุ้นจะพุ่งสูงขึ้น ทำให้ไม่น่าสนใจลงทุน

ค่า พี/อี เรโช ตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถูกนัก และถ้าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนทรุดลง จะดึงให้ค่า พี/อี เรโช สูงขึ้นอีก จนกลายเป็นตลาดหุ้นที่แพง

ตลาดหุ้นปี 2561 ซึมซับรับข่าวผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทรุดลงไปล่วงหน้าแล้ว โดยดัชนีหุ้นลดลง 10.82% ซึ่งสิ้นปี 2561 ดัชนีหุ้นปิดที่ 1,563.88 จุด ขณะที่สิ้นปี 2560 ปิดที่ 1,753.71 จุด

มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นปีนี้ มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ระหว่างกูรูหุ้นสำนักต่างๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ปลายปีนี้ดัชนีหุ้นอาจพุ่งทะลุ 2,000 จุด แต่บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ ประเมินไว้ที่ระดับ 1,700 จุดเท่านั้น

การประเมินดัชนีหุ้นปลายปีที่ 2,000 จุด เป็นการมองโลกสวย และเป็นตัวเลขที่สุดปลายฝัน เพราะโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากยัง มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนมากมาย โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจซบเซา

ส่วนการประเมินดัชนีสิ้นปีที่ระดับ 1,700 จุด เป็นการมองในเชิงอนุรักษ์ และให้น้ำหนักความสำคัญกับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนได้

2 เดือนเศษที่ผ่านมา ตลาดหุ้นขยับตัวขึ้นในกรอบแคบๆ ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 เพียงประมาณ 4% นักลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะกลับเข้ามาลงทุน แต่จนบัดนี้ยังไม่กลับ และนับจากต้นปีมียอดขายสุทธิ 1,853.65 ล้านบาท

การเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนี้ ไม่ใช่บทสรุปว่า ต่างชาติจะขนเงินกลับเข้ามาช้อนหุ้น ไม่ใช่สิ่งที่จะกระตุ้นการลงทุน

แต่ สิ่งที่จะจูงใจนักลงทุนคือปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้น แต่ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 4 ปีก่อน กลับทำให้ปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยอ่อนแอลง

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2561 ต้องรอให้ตลาดหลักทรัพย์รวบรวมและแถลงอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่า กำไรเติบโตน้อยมาก

ส่วนปีนี้ โบรกเกอร์หลายสำนักปรับลดประมาณการผลกำไรบริษัทจดทะเบียนลง โดยคาดว่าเติบโตน้อยมาก พร้อม ปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีลง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,800 จุดเศษ

ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสสุดท้ายปี 2561 เป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้น เสี่ยงเพราะปัจจัยพื้นฐานที่เปราะบางลง และปีนี้ถ้าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนฟุบต่อ ตลาดหุ้นคงไม่ฟื้น



กำลังโหลดความคิดเห็น