นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC อาจจำไม่ได้ว่า มีคดีฟ้องและถูกฟ้องรวมแล้วกี่คดี แต่มีคดีต้องจดจำนับจากนี้แน่นอนแล้ว 1 คดี
เพราะเป็นคดีแรกที่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว ลงโทษจำคุก นายวิชัย เป็นเวลา 2 ปี ในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีนี้เริ่มแรกนายวิชัย เป็นโจทก์ ฟ้องนายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC โดยระบุว่า นายสิทธิชัย ทำสัญญาซื้อขายที่ดินของบริษัทฯ ที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
และได้ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้ผู้ซื้อฟรี โดยที่ดินที่ยกให้เป็นทางเข้าออก ซึ่งการยกให้อยู่ในเงื่อนไขสัญญาซื้อขาย และการขายที่ดินได้ราคาสูงถึง 4 เท่า นายสิทธิชัย จึงฟ้องนายวิชัย กลับ และแพ้คดี
การถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชะตากรรมนายวิชัย เพราะการพิจารณาคดีอื่นๆ ทยอยมีคำตัดสินตามมา รวมทั้ง 2 คดีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ ในความผิดฐานทุจริต
นายวิชัย มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ IFEC ต้องล่มสลาย มีปัญหาทางด้านฐานะการเงิน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ขณะที่หุ้นถูกพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 ผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 30,000 ราย เดือดร้อนอย่างหนัก
แม้ผู้ถือหุ้นจะเคลื่อนไหว เรียกร้องให้จัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาคัดเลือกกรรมการชุดใหม่ แต่ก็ถือกลุ่มนายวิชัยบ่ายเบี่ยงมาตลอด จน ก.ล.ต. ต้องสั่งให้จัดประชุมผู้ถือหุ้น แต่ถูก “ตีรวน” อีก ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประสานความร่วมมือกัน ดำเนินมาตรการทางกฎหมาย จึงจัดประชุมได้เมื่อช่วงปลายปี 2561 และเลือกตั้งคณะกรรมกรรมชุดใหม่ กำลังเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
หลังจาก IFEC อยู่ในแดนสนธยา ภายใต้การครอบงำของกลุ่มนายวิชัย ประมาณ 2 ปี โดยไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาฐานะของบริษัทแต่อย่างใด และไม่มีใครรู้ว่า ฐานะการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้เป็นอย่างไร
และในยุคที่นายวิชัย และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กุมอำนาจ มีความเสียหายเกิดขึ้นเพียงใด
เข้าใจกันว่า ภายใน IFEC คงมีขยะที่ถูกซุกไว้อีกจำนวนมาก และคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่คงเข้าไปขุดคุ้ย และจะมีการฟ้องร้องอดีตผู้บริหารบริษัทตามมาอีกมากมาย
นายวิชัย กำลังเผชิญชะตากรรมที่หนัก เพราะมีคดีฟ้องร้องอีนุงตุงนัง ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของ IFEC
การเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นผู้ที่มีโอกาสที่ดี มีฐานะทางการเงินมั่นคง และแทบไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรผิด เพราะมีชีวิตที่สุขสบายแล้ว
แต่เพราะความโลภ ความมักได้ ไม่รู้จักพอ ทำให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจำนวนไม่น้อย ต้องเดินทางผิด ทำผิดกฎหมาย ทุจริต ฉ้อฉลเงินของผู้ถือหุ้น จนต้องมีคดีติดตัว เสียชื่อ และอาจเสียอิสรภาพ ถ้าสุดท้ายถูกตัดสินจำคุก
นายวิชัย กำลังจะเป็นอีกตัวอย่างของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ซึ่งทิ้งความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น และต้องชดใช้การกระทำของตัวเอง
เพราะสิ่งที่ทำไว้กับ IFEC กำลังถูกขุดคุ้ย และย้อนกลับมามัดนายวิชัย และมีอีกหลายคดีที่รอคิดบัญชีอดีตผู้บริหารที่สร้างความเสียหายอย่างหนักในยุคที่บริหารบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
