PwC เผยความเชื่อมั่น CEO อาเซียนลดลง กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าสูงสุด กระทบรายได้ลดลง ขณะที่จีนครองอันดับหนึ่งประเทศน่าลงทุน
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนบริษัท PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจ CEO ทั่วโลกครั้งที่ 22 ประจำปี 2562 หรือ Global CEO Survey ซึ่งใช้ในการประชุม Economic forum ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากความเห็น 1,378 CEO โลก จาก 91 ประเทศ โดยพบว่า CEO ของอาเซียนกว่า 78 ราย ต่างมองเศรษฐกิจโลกปีนี้ชะลอตัวถึง 46% เพิ่มจากปีก่อนที่มองเพียง 10% ขณะที่ CEO โลกมองเศรษฐกิจชะลอ 28% เพิ่มเช่นกันจากปีก่อนที่มองเพียง 5%
โดย 5 ปัจจัยเสี่ยงในสายตาของ CEO อาเซียน อันดับ 1 คือ ความขัดแย้งทางการค้า 83% (CEO โลก 70%) 2.ความไม่แน่นอนการเมือง โดยเฉพาะในไทย และฟิลิปปินส์ ที่จะมีการเลือกตั้ง 81% (CEO โลก 75%) 3.ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย 78% เท่ากับโลก 4.กฎระเบียบข้อบังคับที่มากเกินไป 77% (CEO โลก 73%) และ 5.ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก 73% เท่ากับผลสำรวจ CEO โลก
ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ CEO ในอาเซียน กว่า 29% ปรับกลยุทธ์ ด้วยการหันไปส่งออก และน้ำเข้าวัตถุดิบจากประเทศอื่นแทน พร้อมทั้งชะลอการลงทุนเพื่อติดตามสถานการณ์ ส่วนอีก 17% เปลี่ยนฐานการลงทุนไปในตลาดเกิดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย
ส่วนความเชื่อมั่นการเติบโตด้านรายได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ความเชื่อมั่นของ CEO อาเซียน ลดลงจาก 44% ในปีก่อน เหลือ 33% ในปีนี้ โดยอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจสูงสุด คือ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ 82% ภัยคุกคามไซเบอร์ 81% และความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว 72%
ส่วนประเทศน่าสนใจลงทุนในมุมมองของ CEO อาเซียน คือ 1.จีน 2.อินโดนีเซีย 3.สหรัฐ 4.เวียดนาม 5.อินเดีย 6.พม่า 7.มาเลเซีย 8.ไทย ลดลงจากอันดับ 5 ในปีก่อน สาเหตุเนื่องจากช่วงเวลาสำรวจ คือ เดือนกันยายน 2561 ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้ง จึงอาจเกิดความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมืองของไทย และความเชื่อมั่น ถ้าสำรวจตอนนี้อันดับไทยน่าจะดีขึ้น มีโอกาสจะขยับขึ้นไปได้มากกว่าอันดับ 8 ในปัจจุบัน อาจเป็นอันดับ 7 หรือ 6 ส่วนญี่ปุ่น, กัมพูชา, สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ อยู่อันดับ 8 เช่นกัน 9.เยอรมนี และ 10.บราซิล ฮ่องกง และเกาหลีใต้
สำหรับความพร้อมของอาเซียน ในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในธุรกิจนั้น นายศิระ กล่าวว่า 72% ของ CEO อาเซียน คาดว่า การปฏิวัติของ AI จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลก ยิ่งกว่าการปฏิวัติทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงกลางของยุค 90 และ 87% ยังเห็นด้วยว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจกลับพบว่า ธุรกิจอาเซียน เกือบ 40% ยังไม่มีการนำ AI เข้ามาใช้งานในปัจจุบัน ขณะที่อีก 32% มีแผนที่จะนำ AI เข้ามาใช้งานในอีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนอีก 28% มีการใช้งาน AI ในวงจำกัด และมีเพียง 4% ที่มีการใช้ AI อย่างกว้างขวาง
นายศิระ กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย คาดว่าคงไม่สามารถต้านกระแส AI ได้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะมีการนำ AI เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น