xs
xsm
sm
md
lg

GPSC โกยกำไรปี’61 แตะ 3,359 ล้านบาท เดินหน้า COD 3 โรงไฟฟ้าทั้งไทย-เทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
GPSC เผยผลประกอบการปี 2561 โตต่อเนื่อง สร้างกำไรทั้งปี 3,359 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 6% จากโครงการใหม่เดินเครื่องเต็มสูบของ IRPC-CP Phase 2 และ ISP1 ประเทศญี่ปุ่น ฝ่าผลกระทบจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น มั่นใจปี 2562 พร้อมรับรู้ผลประกอบการ 3 โครงการใหม่ ได้แก่ เขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำลิก เขื่อนไซยะบุรี ใน สปป.ลาว และศูนย์ผลิตสาธารณูปการระยอง แห่งที่ 4 เตรียมจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 0.80 บาทต่อหุ้น

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 24,777 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2560 เพิ่มสูงขึ้น 4,860 ล้านบาท หรือ 24% และคิดเป็นกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184 ล้านบาท หรือ 6% จากปีก่อน ซึ่งรายได้รวมทั้งปีที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า และไอน้ำ เต็มปีของ 2 โครงการใหม่ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้า ไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ (IRPC-CP) เต็มทั้งสองระยะ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 240 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 180-300 ตันต่อชั่วโมง และการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า อิจิโนเซกิ โซลาร์ เพาเวอร์ 1 จีเค (ISP1) กำลังผลิตไฟฟ้า 20.8 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น และยังรับรู้รายได้จากการให้บริการของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP) เพิ่มขึ้น ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมัน อาคาร และศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทในกลุ่ม ปตท.

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จำนวน 78 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งเป็นผลจากการร่วมลงทุนของบริษัทฯ

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลประจำปี 2561 จากผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงิน 1,872.876 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56% ของกำไรสุทธิ แบ่งเป็นเงินจ่ายปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.61) ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท จึงยังคงเหลือส่วนเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2561 (ก.ค.-ธ.ค.61) ที่ต้องจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีมีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 และสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 18 เมษายน 2562 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 แล้ว

ทิศทางของการดำเนินงานในปี 2562 มั่นใจว่า การเติบโตของธุรกิจจะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ มีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้า 2 โครงการใหญ่ในประเทศ สปป.ลาว ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำลิก 1 (NL1PC) มีขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) ขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ และอีก 1 โครงการ คือ ศูนย์ผลิตสาธารณูปการระยอง แห่งที่ 4 (CUP4) ขนาดกำลังการผลิค 45 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการใหม่หลายโครงการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะการร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่ม ปตท. และ บมจ. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในการศึกษาหาโอกาสการลงทุนในพม่า เพื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นไปตามแผนงานของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปกับกลุ่ม ปตท. อย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น