ชาญอิสสระมั่นใจตลาดซูเปอร์ลักชัวรียังไปได้ ซัปพลายในตลาดมีน้อย ที่ดินในเมืองหายาก ลุยเปิดตัวบ้านหรู “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9” หลังละ 100-170 ล้านบาท คาดสิ้นปีปิดการขาย
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดัน แต่การที่ไทยเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว รัฐบาลจะมีเสถียรภาพ ทำให้การเมืองนิ่ง และส่งผลต่อความมั่นใจของประชาชน และช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนภาพรวมตลาดซูเปอร์ลักชัวรียังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้า มีกำลังซื้อสูง ซัปพลายในตลาดมีจำนวนน้อย
ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 (Issara Residence Rama 9) ราคาหลังละ 100-170 ล้านบาท จำนวน 20 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 9 ไร่ บริเวณถนนพระราม 9 ซอย 13 ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วเกือบ 60% ซึ่งปัจจุบัน บริษัทได้เร่งสร้างบ้านในโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ เพื่อสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ทัน โดยตั้งเป้าขายโครงการ Issara Residence Rama 9 ให้ได้ 90% หรือขายหมดภายในสิ้นปี 62
นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลกระทบต่อบ้านหรูระดับลักชัวรีจากมาตการ LTV เพื่อควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีผลบังคับให้วันที่ 1 เม.ย.62 เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหรูส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าส่วนใหญ่ของชาญอิสระ ที่ซื้อบ้านหรูนั้น ส่วนใหญ่ใช้เงินสดซื้อในสัดส่วน 60-70% หรือดาวน์ 30-40% มากกว่ามาตร LTV ที่กำหนดเงินดาวน์ไว้ 2%
อย่างไรก็ตาม มองว่า ผลกระทบของ LTV อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่าง ที่มีการแข่งขันกันมาก ทำให้หลังจากมาตรการ LTV ใหม่มีผลบังคับใช้จะส่งผลต่อการขายของตลาดกลาง-ล่าง จะเกิดการชะลอตัวลง
สำหรับการแข่งขันของตลาดระดับลักชัวรีมีการแข่งขันไม่สูง และมีจำนวนซัปพลายในตลาดที่น้อย หรือมีอยู่เพียง 10% ของทั้งตลาดในทุกระดับราคา อีกทั้งความยากของการพัฒนาโครงการบ้านหรูที่มีทำเลอยู่ในเมืองนั้น ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะที่ดินในเมืองมีอยู่จำกัด และหาราคาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับนำมาพัฒนาได้ยากเช่นเดียวกับที่ดินของโครงการ Issara Residence Rama 9 ใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าบริษัทจะได้มา ซึ่งเพิ่งได้ที่ดินของโครงการดังกล่าวมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน
ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรีระดับราคาเกินกว่า 70 ล้านบาทขึ้นไป ที่เปิดตัวแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีเพียง 7 โครงการเท่านั้น หรือคิดเป็นบ้าน 271 หลัง โดยแบ่งเป็น 3 ทำเลหลัก ได้แก่ ทำเลใจกลางเมืองหรือซีบีดี อาทิ สุขุมวิท และสาทร ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง อาทิ รัชดาภิเษก-พระราม 9 และพัฒนาการตอนต้น และทำเลชานเมืองโดยรอบ เช่น เกษตรนวมินทร์ กรุงเทพกรีฑา และบางนา
จากการศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยซีบีอาร์อี พบว่า ผู้บริโภคต้องเลือกระหว่างการมีบ้านเดี่ยวที่มีเนื้อที่ แต่อยู่ชานเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางแต่ละวันไม่น้อย ขณะที่ถ้าต้องการอยู่ใจกลางเมือง ก็จำเป็นต้องเลือกอยู่ทาวน์เฮาส์ หรือบ้านแนวสูง ที่มีมากกว่า 3 ชั้นขึ้นไป ซึ่งพื้นที่แต่ะละชั้นถูกออกแบบมาเพียงแค่เป็นห้องนอน ไม่มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมในครอบครัว อีกทั้งไม่มีพื้นที่สีเขียวภายในบริเวณบ้าน หรือเลือกอยู่คอนโดมิเนียม ซึ่งก็มีข้อจำกัดในการมีสัตว์เลี้ยง และมีที่จอดรถไม่เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกคน
Issara Residence Rama 9 บ้านเดี่ยวที่จับกลุ่มตลาดซูเปอร์ลักชัวรี โดยเลือกทำเลรัชดา-พระราม 9 ซึ่งตอบโจทย์ในด้านทำเล อันเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อบ้านของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบ้านใกล้เมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอ